เลนส์แต่ละตัวมีเอกลักษณ์เฉพาะและถูกสร้างขึ้นมาด้วยหน้าที่ๆต่างกันออกไป เช่นเลนส์มุมกว้างใช้ในการถ่ายภาพภูมิทัศน์, เลนส์มาโครใช้ถ่ายรายละเอียดหรือสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก การก้าวข้ามผ่านเลนส์ที่แถมติดตัวมากับกล้องในตอนแรกสำหรับผู้ที่ใช้กล้องเปลี่ยนเลนส์ได้จึงเป็นปัญหาใหญ่ทีเดียว และเนื้อหาส่วนนี้คือการเจาะลึกในสิ่งที่จำเป็นต้องรู้ แน่นอนว่ามันจะเปลี่ยนชีวิตการถ่ายภาพของผู้เรียนให้ดีขึ้นได้อย่างมากหากเลือกใช้เลนส์ได้อย่างถูกต้องตามสถาณการณ์
ปัจจัยเบื้องต้นในการเลือกซื้อเลนส์
เรากำลังพูดถึงความแตกต่างระหว่าง “ความต้องการ” และ “ความจำเป็น” ในการเลือกใช้เลนส์สักตัว เพราะเลนส์ที่มีขายอยู่มากมายตามท้องตลาดนั้นมีมากมายหลากหลายยี่ห้อทั้งเลนส์จากค่ายผู้ผลิตกล้องนั้นๆเองหรือเลนส์จากค่ายอิสระ หากผู้เรียนไม่มีความเดือดร้อนเรื่องเงินอยู่แล้วการเข้าถึงความเป็นที่สุดของเลนส์ในสายงานนั้นอาจไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าไม่.. ความถูกต้องในวัตถุประสงค์ของการใช้งานจึงควรคำนึงถึงเป็นอันดับแรก จากนั้นค่อยพิจารณาถึงแนวทางการแก้ไขจุดบกพร่องของเลนส์ดังกล่าวต่อไป
ยกตัวอย่างเช่น นาย A ต้องการใช้เลนส์สำหรับถ่ายภาพบุคคลซึ่งกล้องถ่ายภาพที่เข้าใช้มีขนาดเซ็นเซอร์แบบฟูลเฟรม (ขนาดของเซ็นเซอร์มีผลต่อมุมการรับภาพด้วย) เงื่อนไขที่นาย A ต้องกำหนดขึ้นมาเป็นอย่างแรกก็คือ “ทางยาวโฟกัสที่เหมาะสมสำหรับการถ่ายบุคคลอยู่ในช่วงใด” เช่น อาจจะ 50mm หรือบางคนชอบที่ระยะ 85mm ซึ่งพอได้ช่วงดังกล่าวนี้กลุ่มเลนส์ที่เลือกซื้อจึงแคบลงมาแล้วจึงพิจารณาถึงเกรดคุณภาพของเลนส์
ปัจจัยเบื้องต้นของผู้เรียนในการเลือกซื้อเลนส์แต่ละตัวมีอะไรบ้าง อธิบายพอสังเขปได้ตามเนื้อหาด้านล่างนี้
ภาพถ่ายบุคคลเทียบเท่าระยะ 48mm บนฟูลเฟรม (Carl Zeiss Touit Planar 32mm f/1.8 APS-C)
เรื่องอักษรย่อจะได้กล่าวในบทความต่อๆไป [ที่มา]
ตัวอักษรย่อของค่ายผู้ผลิต
อักษรย่อที่ข้างตัวเลนส์เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผู้เรียนต้องทำความเข้าใจและศึกษารายละเอียดให้ดี เนื่องจากรายละเอียดเหล่านี้ระบุถึงคุณสมบัติที่จะได้เมื่อซื้อเลนส์เหล่านั้นมาใช้ด้วย เช่น เลนส์ที่มีการเคลือบผิวหน้าเลนส์ลดแสงสะท้อน, เลนส์ที่มีระบบกันสั่นอยู่ในตัว หรือเลนส์ที่มีคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่น ขอให้ใจเย็นๆก่อนตัดสินใจชื้อโดยการอ่านรายละเอียดจากทางเว็บไซต์หรือดูรีวิวของผู้ใช้งานจริง
ทางยาวโฟกัส
ทางยาวโฟกัสของเลนส์มีหน่วยเป็นมิลลิเมตร (mm) ยิ่งมีค่ามากมุมรับภาพจะยิ่งแคบลงภาพที่ได้จะซูมเข้ามามาก ในขณะที่ทางยาวโฟกัสค่าตัวเลขน้อยๆมุมรับภาพจะกว้างมากขึ้น ค่าทางยาวโฟกัสที่มากหรือน้อยเกินไปอาจทำให้มุมมองที่ได้ต่างออกไปจากสายตาของมนุษย์ (ทางยาวโฟกัสที่ใกล้เคียงมากที่สุดคือระหว่าง 30-50 มิลลิเมตรบนเซ็นเซอร์ขนาดฟูลเฟรม)
มุมรับภาพที่ผิดเพี้ยนไปนั้นมองในแง่ดีก็ช่วยสร้างความสนใจให้กับภาพได้เช่นกัน เช่น ความแปลกตาในเส้นที่โค้งผิดสัดส่วนของเลนส์ตาปลาซึ่งก็คงไม่มีใครซื้อมาเพื่อถ่ายภาพให้ได้สัดส่วนที่ถูกต้องอยู่แล้ว, การเอาเลนส์ทางยาวโฟกัสมากๆมาถ่ายคนเพื่อละลายฉากหลังให้หลุดมากกว่าปกติ หรือการดึงฉากหลังให้เข้ามามากกว่าปกติด้วยเลนส์เทเล ทั้งนี้อยู่กับการพิจารณาของผู้ใช้ในการสร้างสรรค์เป็นหลัก
ยิ่งทางยาวโฟกัสมากขึ้นมุมรับภาพยิ่งแคบลง
ทางยาวโฟกัสของเลนส์ซูมจะมีค่าตัวเลขสองค่าระบุที่เลนส์อยู่เสมอ เช่น 16-55mm หมายความว่าทางยาวโฟกัสของเลนส์ต่ำสุดเมื่อยังไม่ได้ซูมคือ 16mm และเมื่อหมุนกระบอกซูมจนสุดจะได้ระยะที่ 55mm
ที่ระยะ 24mm บนฟูลเฟรม Cr : Pongphop Chuanasa
ที่ระยะ 60mm APS-C หรือเทียบเท่า 90mm บนฟูลเฟรม
นอกไปจากนี้ทางยาวโฟกัสยังขึ้นอยู่กับขนาดของเซ็นเซอร์รับภาพ เช่น ทางยาวโฟกัสขนาด 30mm บนเซ็นเซอร์ขนาดฟูลเฟรมภาพที่ได้จะกว้างกว่าทางยาวโฟกัสขนาด 30mm บนเซ็นเซอร์ขนาด APS-C ซึ่งถ้าเราเอาขนาดฟูลเฟรมเป็นเกณฑ์แล้วจะพบกว่า APS-C ต้องคูณด้วย 1.5 หรือ 1.6 เท่าจึงจะมีขนาดเท่าเซ็นเซอร์ฟูลเฟรม
หมายความว่าขนาดทางยาวโฟกัส 30mm บนเซ็นเซอร์ APS-C จะมีทางยาวโฟกัสเท่ากับ 30mm x 1.5 = 45mm บนเซ็นเซอร์ฟูลเฟรมนั่นเองครับ
รูรับแสงกว้างสุดที่เลนส์ทำได้
ค่ารูรับแสงกว้างสุดมักถูกระบุเป็น “f/ค่ารูรับแสงกว้างสุด” ไว้ที่ชื่อรุ่นของเลนส์เสมอ เช่น AF-S Nikkor 50mm f/1.8 G หมายความว่าเลนส์ดังกล่าวสามารถเปิดหน้าเลนส์ได้กว้างสุดที่ f/1.8 โดยที่ตัวเลขรูรับแสงนั้นยิ่งมีเลขน้อยๆจะยิ่งเปิดทางให้แสงวิ่งเข้าผ่านเลนส์ไปบรรจุที่เซ็นเซอร์รับภาพได้มากยิ่งขึ้นหรือมักเรียกว่า “เลนส์ไวแสง”
เลนส์ที่ให้ค่ารูรับแสงกว้างจะได้เปรียบเลนส์ที่มีค่ารูรับแสงน้อยกว่าในกรณีการถ่ายภาพในที่มืดโดยไม่ใช้แฟลช เช่น ค่า f/1.8 แสงจะวิ่งเข้าได้มากกว่า f/4 ซึ่งนอกไปจากนี้แล้วค่า f ที่กว้างมากยังมีความสัมพันธ์ต่อระยะชัดของภาพอีกด้วยดังภาพด้านล่าง
ที่ f/1.8 ของ AF-S Nikkor 50mm บน Nikon D750
ที่ f/8.0 ระยะ 38mm ของ AF-S Nikkor 24-120mm G ED VR บน Nikon D750
กรณีของเลนส์ซูมที่มีค่ารูรับแสงสองค่า เช่น XC 16-50mm f/3.5-5.6 OIS II ที่ค่า f/3.5-5.6 จะหมายความว่าระยะ 16mm ค่ารูรับแสงกว้างที่สุดจะทำได้ที่ f/3.5 และเมื่อซูมจนสุดค่ารูรับแสงที่กว้างที่สุดจะทำได้ที่ 5.6
ประเภทของเบ้าสวมเลนส์
ถ้าจะให้ผ่านเรื่องนี้ไปโดยไม่พูดถึงความเข้ากันได้ของเลนส์กับกล้องถ่ายภาพที่ใช้ก็ดูจะเป็นอะไรที่ผิดพลาดแน่ๆ เพราะมีคนจำนวนมากคิดว่าเลนส์ของค่ายที่ตนเองใช้ก็น่าจะใช้ได้กับกล้องทุกๆรุ่น ซึ่งตามจริงแล้วการเลือกซื้อเลนส์ให้ตรงกับกล้องที่ใช้นั้นไม่ยากเพียงแค่รู้ชื่อของเบ้าสวมเลนส์ที่ใช้ ยกตัวอย่างเช่น เบ้าสวมเลนส์ของกล้องถ่ายภาพดิจิตอลของโซนี่ A7 คือ E-Mount เวลาเลือกซื้อเลนส์ก็ให้ดูว่ามีเลนส์ตัวใดในสายการผลิตที่เป็นของตระกูลเบ้าสวมเลนส์แบบนี้บ้าง
นอกเหนือจากนั้นการแปลงเบ้าสวมเลนส์ให้เข้ากันได้กับเลนส์ที่เป็นของกล้องระบบอื่นก็จำเป็นต้องมีตัวแปลงเบ้าสวม (Adapter Mount) เช่นตัวแปลงเบ้าสวมที่ทำให้เบ้าสวมเลนส์ X-Mount ของกล้องดิจิตอลไร้กระจกจากฟูจิสามารถใส่เลนส์ที่เป้นเบ้าสวมแบบ M240 ซึ่งเป็นเลนส์มือหมุนยุคเก่าได้ แต่นั่นก็จะทำให้เลนส์สูญเสียคุณสมบัติการโฟกัสอัตโนมัติไป
อย่างไรก็ตามในปัจจุบันมีผู้ผลิตที่สามารถแปลงเบ้าสวมให้ใช้กับเลนส์ค่ายอื่นแล้วยังสามารถใช้โหมดโฟกัสอัตโนมัติเหมือนเลนส์สมัยใหม่ได้แล้ว
เบ้าสวมเลนส์ของกล้อง Sony A7 เป็นแบบ E-Mount [ที่มา : Wikipedia]
ขนาดของเซ็นเซอร์ที่ใช้
จากตอนที่แล้ว (คลิก ที่นี่ ย้อนกลับไปตอน “เซ็นเซอร์รับภาพสำคัญต่อการเลือกซื้อกล้องอย่างไร”) ได้กล่าวไว้ว่าเซ็นเซอร์รับภาพที่มีขนาดใหญ่กว่า แสงที่ลอดผ่านจากเลนส์มาตกกระทบก็ย่อมมีมากกว่าเซ็นเซอร์รับภาพที่มีขนาดเล็กกว่า ดังนั้นถ้าจะกล่าวว่าเซ็นเซอร์ที่มีขนาดเล็กกว่าจะได้มุมรับภาพที่แคบลงนั้นคงไม่ผิด และภาพที่ได้ก็ยังมีขนาดเล็กกว่ากล้องถ่ายภาพที่ใช้เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่กว่าอีกด้วย
เลนส์ประเภทต่างๆแยกตามการใช้งาน
เลนส์ตาปลา
เลนส์ตาปลาให้มุมรับภาพที่กว้างมากและผิดเพี้ยนที่สุด ภาพที่ได้จึงแปลกตาและมีความน่าสนใจเนื่องจากเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถเห็นได้ทั่วไปในสายตาปกติของมนุษย์ ปกติมักจะมาในทางยาวโฟกัสแบบค่าเดียว เช่น 12mm-18mm เหมาะสำหรับภาพถ่ายสนุกๆไม่ซีเรียสความเที่ยงตรงของทัศนมิติหรือสิ่งใดๆในภาพ นอกจากนี้ก็ยังใช้ถ่ายภาพภูมิทัศน์ที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่อลังการมากๆได้อีกด้วย
เหมาะกับภาพประเภทใด : ภาพถ่ายที่ไม่เน้นความถูกต้องของทัศนมิติมากนัก, ภาพถ่ายภูมิทัศน์ และภาพถ่ายอื่นๆที่ต้องการมุมรับภาพกว้างมากๆเพื่อสร้างความแปลกใหม่
เลนส์มุมกว้างพิเศษ
เป็นเลนส์ที่มักอยู่ในระยะตั้งแต่ 24mm ขึ้นไปสำหรับเซ็นเซอร์แบบฟูลเฟรม มีความแตกต่างจากเลนส์ตาปลาตรงที่แม้จะรับภาพได้กว้างแต่จะเป็นลักษณะของเส้นพุ่งออกแบบเส้นตรง (ในขณะที่เลนส์ตาปลาเป็นเส้นโค้ง) ลักษณะเฉพาะของเลนส์ในประเภทนี้จะมีระยะชัดที่ค่อนข้างลึกและไม่สามารถทำให้วัตถุใดๆแปลกแยกออกมาจากฉากได้อย่างชัดเจนเท่าไรนัก ความผิดเพี้ยนของเลนส์เมื่อเทียบกับเลนส์ตาปลาแล้วแก้ได้ง่ายกว่าที่โปรแกรมตกแต่งแก้ไขภาพและเทคนิคการใช้งานต่างๆ เหมาะสำหรับการถ่ายภาพภูมิทัศน์หรืองานโครงสร้างที่เน้นความถูกต้องของเส้นสาย หรือจะประยุกต์ถ่ายงานบุคคลแบบแสดงฉากหลังก็ได้
เหมาะกับภาพประเภทใด : ภาพภูมิทัศน์, สถาปัตยกรรมทั้งภายนอกภายในที่เน้นความถูกต้องของเส้น, ภาพถ่ายมุมกว้างประยุกต์กับภาพบุคคล และอื่นๆ
เลนส์ระยะทั่วไป
เลนส์ระยะทั่วไปมักเป็นเลนส์ตั้งต้นที่ขายพร้อมกับการซื้อกล้องในครั้งแรก ทางยาวโฟกัสจะอยู่ในช่วง 35-70mm ซึ่งก้ำกึ่งระหว่างความเป็นเลนส์มุมกว้างและเลนส์เทเล มุมรับภาพที่ได้คล้ายคลึงกับสิ่งที่มนุษย์มองเห็นมากที่สุดคือที่ระยะ 50mm และเนื่องด้วยมันไม่ถือว่าเป็นเลนส์ที่สามารถนำไปใช้อย่างเฉพาะเจาะจงภาพที่ถ่ายจึงเป็นภาพประจำวันทั่วๆไป เรียกได้ว่าพกติดตัวไปแล้วก็ยากที่จะไม่ได้ภาพกลับมา
เหมาะกับภาพประเภทใด : ภาพถ่ายในระยะกึ่งประชิด เช่นภาพถ่ายทีเผลอ, วัตถุสิ่งของ, ภาพถ่ายที่เน้นความถูกต้องของสัดส่วน (ที่ระยะ 50mm ขึ้นไป), ภาพถ่ายบนท้องถนน, ฯลฯ
เลนส์มาโคร
เลนส์มาโครถือเป็นเลนส์เฉพาะทางที่ให้ “ตัวเลือกพิเศษ” เพิ่มเติมเข้ามานั่นคือการถ่ายภาพในระยะที่ใกล้วัตถุมากๆเพื่อขยายรายละเอียด ทางยาวโฟกัสของเลนส์ประเภทนี้ค่อนข้างกว้าง คือราวๆ 40-200mm ให้ภาพที่มีความคมชัดรายละเอียดสูง และระยะชัดที่ค่อนข้างตื้นมากอันเนื่องมาจากการถ่ายวัตถุในระยะใกล้สายตาทิ้งกับฉากหลัง
เหมาะกับภาพประเภทใด : หลายคนอาจคิดว่าเลนส์มาโครจะต้องถ่ายสิ่งมีชีวิตหรือสิ่งของขนาดเล็กจิ๋วเพียงอย่างเดียว ซึ่งความจริงแล้วนั้นเราสามารถประยุกต์ใช้ถ่ายภาพบุคคลได้เป็นอย่างดีอีกด้วย เนื่องจากมีระยะที่ค่อนข้างหลากหลาย อีกทั้งให้ความคมชัดและรายละเอียดที่ดี
เลนส์เทเลโฟโต้
เลนส์เทเลโฟโต้เป็นเลนส์ที่มีมุมรับภาพแคบซึ่งมีระยะของทางยาวโฟกัสตั้งแต่ 70mm ขึ้นไปโดยที่บางคนก็อาจเถียงว่าทางยาวโฟกัสที่ 135mm ขึ้นไปต่างหากจึงจะเป็นเลนส์เทเล คุณสมบัติสมบัติของเลนส์ตัวนี้นอกจากจะโฟกัสวัตถุใดๆให้เด่นออกมาจากฉากหลังได้อย่างมากแล้วก็ยังดึงฉากหลังให้มีขนาดใหญ่เข้ามามากกว่าเดิมด้วย เช่นการถ่ายดวงจันทร์ให้มีขนาดใหญ่ซึ่งจะทำไม่ได้เลยสำหรับเลนส์ที่มีมุมรับภาพกว้างๆ
เหมาะกับภาพถ่ายแบบใด : ภาพถ่ายสัตว์หรือสิ่งต่างๆที่ไม่สามารถเข้าใกล้ได้, ภาพถ่ายที่มีการละลายฉากหลังมากๆ, ภาพถ่ายบุคคลที่ต้องการความโดดเด่น และในบางครั้งก็ใช้ถ่ายภาพภูมิทัศน์สำหรับฉากที่อยู่ห่างไกลออกไปมากๆ
เครดิต : [Flickr]
เลนส์ที่มีกำลังซูมมากๆ
เลนส์ลักษณะนี้มักติดมากับกล้องที่ไม่สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ อย่างเช่นกล้องแบบ DSLR-Like เพราะเป็นเลนส์เอนกประสงค์ที่มีช่วงของความยาวโฟกัสตั้งแต่มุมรับภาพกว้างที่สุดไปจนถึงแคบที่สุด เรียกชื่อได้อีกอย่างว่าเลนส์แบบซูเปอร์ซูม (Superzoom Lens) เหมาะกับคนที่ต้องการจบด้วยการซื้อกล้องเพียงครั้งเดียวแล้วไม่อยากเสียเงินซื้อเลนส์อีก (เพราะเปลี่ยนไม่ได้นั่นเอง) ข้อเสียของคือคุณภาพอาจสู้เลนส์เฉพาะทางไม่ได้
เหมาะกับภาพถ่ายแบบใด : ภาพถ่ายทุกประเภทตั้งแต่ภาพมาโคร, ภูมิทัศน์ ไปจนถึงภาพถ่ายบุคคลและภาพถ่ายกีฬา เรียกว่าถ่ายได้ทุกชนิด
ปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้องในการเลือกซื้อเลนส์ถ่ายภาพ
ขนาด,น้ำหนัก และราคาของเลนส์
เลนส์ที่มีทางยาวโฟกัสมากๆ, รูรับแสงกว้างมากๆ ขนาดและราคาก็มากเป็นเงาตามตัว เรียกได้ว่าเหมือนยกท่อนเหล็กหนักหลายๆกิโลติดตัวไปตลอดเวลา ทีนี้เมื่ออยู่ในช่วงตัดสินใจซื้อก็ต้องชั่งใจไว้ว่ามีโอกาสได้ภาพมากน้อยแค่ไหนหรือจะล้มเลิกกลางคันที่จะใช้หรือไม่ หรือว่าจะพกเลนส์ทางยาวโฟกัสอื่นเพิ่มเติมหรือไม่, ต้องแบกกระเป๋าหรือซื้ออุปกรณ์ปกป้องเลนส์ดังกล่าวอีกเท่าไหร่ เรียกว่าไม่ง่ายนักสำหรับการซื้อเลนส์ในแต่ละครั้งซึ่งนั่นก็ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยของแต่ละคนอีกด้วย
ระบบกันสั่นมีประโยชน์มากกับเลนส์ที่มีทางยาวโฟกัสเยอะๆ [ที่มา]
ระบบกันสั่น
หลายคนอาจยกให้นี่เป็นคุณสมบัติพื้นฐานของเลนส์ที่จะเลือกใช้เลยทีเดียว เนื่องจากว่าระบบกันสั่นในตัวเลนส์นี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานได้ภาพในขณะที่ความเร็วชัตเตอร์ต่ำกว่าปกติ ซึ่งนั่นหมายความว่าช่วยลดโอกาสในการพกขาตั้งหรือถ่ายภาพในที่แสงน้อยเพิ่มได้ด้วย และข้อดีของระบบกันสั่นนี้ยังช่วยให้ภาพที่ได้จากไฟล์วิดีโอที่บันทึกมีความนุ่มนวลดูเป็นมืออาชีพ
การซีลห่อหุ้มตัวเลนส์เพื่อปกป้องจากสภาวะที่รุนแรง
ถ้าเลนส์ที่ซื้อมีเขียนไว้ว่า WR หรือ Weather-Sealing ก็ขอให้อุ่นใจไว้ได้เลยว่ามันจะช่วยปกป้องกล้องถ่ายภาพดิจิตอลจากความเลวร้ายของสภาพภูมิอากาศสูงๆต่ำๆได้ดีกว่าเลนส์ที่ไม่มีคุณสมบัตินี้ และยังช่วยลดโอกาสที่เลนส์จะเสียหายจากน้ำและฝุ่น ข้อดีมากถึงขนาดนี้ก็ทำใจไว้ก่อนเลยว่าราคาจะต้องสูงกว่าเลนส์ปกติธรรมดาทั่วไปเพราะใช้วัสดุและเทคโนโลยีที่สูงกว่า
Sigma APO 150-600mm F5-6.3 DG OS HSM Contemporary [ที่มา]
Samyang 8mm f/3.5 [ที่มา]