นับตั้งแต่เราตื่นลืมตาขึ้นในตอนเช้า สิ่งที่พบเห็นอาจจะเป็นสีขาวของเตียงนอน, รองเท้าที่ใช้เดินภายในบ้าน ตามด้วยเสื้อผ้าและชุดนอนที่ตัวเองสวมใส่ แสงอาทิตย์ในวันใหม่ที่ทอดยาวลงมายังสิ่งของต่างๆ ทำให้เกิดแสงและเงาจากนุ่มไปจนถึงแข็งในเวลากลางวัน การพบกับสภาพแวดล้อมแบบต่างๆและผู้คนมากมายนอกบ้าน ทั้งหมดคือสถานการณ์ความยุ่งเหยิงของข้อมูลที่สมองต้องคอยจัดเรียงและลำดับเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลา
ขนาดห้องนอนยังมินิมอลขนาดนี้
โลกที่เต็มไปด้วยความอิ่มตัวของสีสันและโทนแบบต่างๆ ที่คอยแย่งชิงความสนใจและมักรบกวนประสาทการรับรู้ของเราอยู่เสมอ ลองนึกถึงการยกกล้องเพื่อถ่ายภาพง่ายๆในแต่ละครั้ง อย่างเช่นอาคารธุรกิจในเมืองใหญ่ มันยากที่จะบันทึกโดยไม่มีการรบกวนของรถราที่ผ่านไปมา หรือสายไฟระโยงระยางซึ่งจะดึงความสนใจของผู้ชมภาพให้ห่างจากภาพคุณออกไป
อย่างนี้ก็เรียกมินิมอลไม่ได้นะครับ ถึงผมจะพยายามให้ในฉากสะอาดๆแล้วก็ตามนะ
ศิลปะของการถ่ายภาพในแบบ ‘น้อยแต่มาก’ (Minimalist Photography) พัฒนามาจากแนวคิดที่จะทำให้งานดูเรียบง่ายมากที่สุดของศิลปินในศตวรรษที่ 20 ไม่ว่าจะเป็นงานในแขนงใด ด้วยการ ‘ลดรูป’ ของส่วนประกอบในงานให้ได้มากที่สุด ขณะที่งานยังคงความหมายเดิม ดังนั้นเมื่อเป็นภาพถ่าย สิ่งที่คมชัดอยู่ในงานและจะได้ใช้ค่อนข้างบ่อยคือสีสัน, เส้น และ รูปทรง ที่เพียงพอต่อการคิดต่อของผู้รับชมภาพว่ามันคืออะไร
สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการบันทึกภาพไปจนถึงปลายทางของภาพถ่ายในแต่ละครั้ง นอกไปจากการควบคุมแสงให้เป็นไปตามที่ต้องการ คือ การเล่าเรื่องให้แม่นยำเฉียบขาดด้วยองค์ประกอบและการตกแต่งแก้ไข หากเราบันทึกภาพมาด้วยเงื่อนไขที่ไม่เหมาะสม หรือพูดง่ายๆว่าเก็บวัตถุดิบมาไม่ดี ก็ไม่ต้องไปหวังว่าภาพปลายทางจะดีได้ง่ายๆ
สำหรับผู้เริ่มต้นถ่ายภาพ การถ่ายของที่มีสีไม่มากหรือมีรูปทรงที่แน่นอน ช่วยให้พื้นฐานในการมองเห็นค่อยๆพัฒนาและเริ่มมีความละเมียดกับงาน เพราะเราจะโฟกัสอยู่กับสิ่งที่ควบคุมได้ง่ายในระดับเริ่มต้น ยกตัวอย่างเช่นการถ่ายกล่องสี่เหลี่ยมสีน้ำตาลในห้องสีขาว การวางองค์ประกอบก็จะไม่มีอะไรมาก และตกแต่งภาพได้ง่ายโดยที่ยังไม่ต้องอาศัยทักษะสูงมากนักนั่นเอง
ขนมหวานสำหรับผู้ที่รักการถ่ายภาพแนว Minimalist Photography มักมีสามอย่างหลักดังที่ได้กล่าวไว้ ได้แก่ เส้น, รูปทรง, สีสัน ผ่านการเล่าเรื่องด้วยการเน้นย้ำจุดสนใจ ซึ่งเป็น 1 ในส่วนประกอบหลักของการจัดองค์ประกอบภาพถ่าย การจะเริ่มถ่ายภาพแนวนี้ควรควบคุมกล้องถ่ายภาพให้คล่องแคล่วและรู้ข้อดีข้อเสียของอุปกรณ์ที่อยู่ในมือตัวเองเสียก่อนว่าทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน
จากนั้นจึงศึกษาอย่างเข้มข้นกับการจัดองค์ประกอบด้วยกฎโครงสร้างแบบต่างๆ เรียนรู้การใช้สีและน้ำหนักของแสงและเงาแบบต่างๆ ถ้าเริ่มต้นจริงๆอาจถ่ายสิ่งของชิ้นเดียวที่ไม่่มีรายละเอียดมากไปก่อน หรือลองหัดถ่ายภาพที่มีสีไม่มากในภาพให้ได้ก่อนเป็นอย่างแรก
การพัฒนาตัวเองให้อยู่ในจุดที่สูงขึ้นในการถ่ายภาพแนวนี้ คงต้องเป็นการนำเอาศาสตร์แขนงอื่นมาเล่าเรื่องราวให้ได้ด้วยกรอบความคิดของ Minimalist Photography เช่น ถ้าเป็นเรื่องราวเรื่องหนึ่งที่ช่างภาพทั่วไปมักถ่ายภาพแบบปกติ เราก็ลองเอากรอบแบบน้อยชิ้นนี้ ตัดส่วนที่ไม่สำคัญแต่ยังแสดงเรื่องราวให้ชัดเจน มันจึงเป็นความท้าทายที่ทำให้เราก้าวหน้าขึ้นได้อีกมากจากเดิมที่ยังถ่ายภาพแค่เน้นสีสันรูปทรง
ผู้ผ่านการเข้ารับการอบรมหลักสูตรถ่ายภาพพื้นฐานด้วยกล้องถ่ายภาพดิจิตอลและสมาร์ทโฟน
ซึ่งได้ลองถ่ายภาพแบบ Minimalist Photography กันด้วย
การถ่ายภาพแนวดังกล่าวนับเป็นความน่าสนใจและน่าลองศึกษาอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้น เพราะมนุษย์เองก็ไม่ชอบมองอะไรที่มันยาก หน้าที่ของช่างภาพที่ดีจึงเป็นการขจัดสิ่งรบกวนสายตาในภาพและแสดงให้ชัดว่าต้องการสื่ออะไร ด้วยทักษะและเครื่องมือต่างๆมากมายที่ได้เรียนในโลกของการถ่ายภาพครับ