วัตถุประสงค์ตลอดกระบวนการของภาพถ่ายดิจิตอลแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน บางคนอาจมีที่มาจากการสแกนภาพฟิล์มผ่านเครื่องสแกนเป็นข้อมูลดิจิตอล หรือ บางคนถ่ายด้วยกล้องดิจิตอล ต่อมาระหว่างการตกแต่งภาพนั้นเครื่องมือในการตกแต่งที่ใช้ก็มีอยู่อย่างหลากหลาย ไหนจะท้ายที่สุดของการนำไปเผยแพร่บางคนอาจจะแค่อัปโหลดลงสื่อสังคมออนไลน์ แต่บางคนอาจจะต้องการพิมพ์ติดผนังบ้าน นี่คือส่วนสุดท้ายของการปรับคมก่อนออกนำไปเผยแพร่ เป็นเรื่องของความคมชัดปลายทาง (Output Sharpening)
เมื่อภาพถ่ายผ่านกระบวนการเรียกคืนรายละเอียดความคมชัดเบื้องต้นอย่าง Capture Sharpening และทำการตกแต่งภาพพร้อมกับกระบวนการสุดท้ายด้วย Creative Sharpening ซึ่งสองกระบวนการนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ภาพดูคมชัดมากอยู่แล้วแต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอ เพราะยังมีกระบวนการที่ลดทอนสิ่งที่มองเห็นจากหน้าจอการทำงานนั่นก็คือ “แหล่งเผยแพร่”
แหล่งเผยแพร่ใดๆก็ตามส่งผลให้กับภาพถ่ายดิจิตอลก่อนนำไปผ่านกระบวนการเผยแพร่แทบทั้งสิ้น เช่น การย่อขนาดที่ถูกต้องสำหรับ Facebook ที่กำหนดให้ด้านยาวที่สุดของภาพมีขนาดที่ 2048px หรือการสั่งพิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ที่มีความละเอียดในการพ่นหมึกด้วยค่าที่ต่างกัน นี่ไม่รวมถึงชนิดของกระดาษที่ใช้ซึ่งต้องนำมาคิดก่อนกำหนดข้อมูลของภาพให้ตรงตามความต้องการ เพื่อให้ง่ายต่อการจำแนกแหล่งเผยแพร่ขอแบ่งออกเป็นสองประเภท มีดังต่อไปนี้
1. ประเภทแหล่งเผยแพร่ทางหน้าจอมอนิเตอร์
ดูเหมือนว่าการเผยแพร่ในลักษณะนี้จะสร้างความสับสนให้กับเราน้อยที่สุดแต่นั่นก็ยังมีคนจำนวนมากไม่ทราบว่าการกำหนดค่าออกไปสู่แหล่งเผยแพร่แบบรับชมทางหน้าจอมอนิเตอร์นั้นจำเป็นต้องปรับรูปแบบของสีให้ตรงกับมาตรฐานที่จอภาพของผู้รับชมใช้ ในกรณีนี้หมายถึงการนำเผยแพร่บนเว็บไซต์
สำหรับค่าโดยส่วนใหญ่ที่เป็นค่ากลางสำหรับจอภาพนั้นแนะนำที่ความละเอียด 72ppi และสำหรับจอเรติน่า Macbook คือ 144ppi สเปซสี sRGB ส่วนการปรับคมสามารถกำหนดเองได้เลยหรือจะเลือกตัวเลือกเซฟสำหรับเว็บตามที่โปรแกรมมีมาให้ค่าต่างๆก็จะได้ประมาณนี้เช่นเดียวกัน
การปรับความคมชัดจึงอ้างอิงจากที่เห็นจากจอภาพโดยตรง และปรับตามความเหมาะสมกับลักษณะภาพถ่ายซึ่งไม่มีปัจจัยความแปรปรวนอื่นมารบกวนมากนัก อย่างไรก็ตามควรทราบขนาดของแหล่งเผยแพร่ที่กำหนดให้ดีเสียก่อน
2. ประเภทแหล่งเผยแพร่ทางสื่อสิ่งพิมพ์
ถึงแม้ว่าภาพถ่ายดิจิตอลที่ปรากฏบนหน้าจอจะถูกปรับความคมชัดจนดูดีแล้วแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าภาพเหล่านั้นจะดูดีเมื่อถูกสั่งพิมพ์ลงบนกระดาษ เพราะภาพถ่ายจะถูกแปลงพิกเซลให้เปลี่ยนขนาดระหว่างการสั่งพิมพ์ อีกทั้งยังมีตัวแปรที่ทำให้ภาพเบลอเนื่องมาจากเครื่องพิมพ์นั้นใช้การจัดทำให้รูปของการพ่นน้ำหมึก (และคุณสมบัติการซึมน้ำหมึกของกระดาษที่ใช้)
กรณีที่โปรแกรมปรับความคมชัดนั้นไม่มีตัวเลือกแบบอัตโนมัติสำหรับความคมชัดงานพิมพ์ ที่งานระยะการมองเห็น 25 เซนติเมตร สำหรับภาพความละเอียดที่ 240-300 ppi การปรับความคมชัดให้อาศัยค่ารัศมี (Radius) ของการปรับคมที่ 0.9-1.2 พิกเซลเป็นใช้ได้
ภาพด้านล่างนี้เป็นของปลั๊กอิน Sharpener Pro ซึ่งมีตัวเลือกอัตโนมัติที่กำกับได้ว่าภาพที่สั่งพิมพ์นั้นมีความละเอียดและขนาดเท่าใด เพื่อที่โปรแกรมจะได้เลือกค่าความคมชัดที่เหมาะสมให้กับเราได้โดยไม่ต้องมานั่งคำนวน
ตัวเลือกสำหรับความคมชัดงานพิมพ์จาก Sharpener Pro