ความเข้าใจและการนำเส้นสายรวมไปถึงรูปร่างของสิ่งต่างๆที่ปรากฏในภาพไปใช้ให้เกิดประสิทธิผลนับเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ภาพถ่ายนั้นสื่อสารได้อย่างประสบผลสำเร็จ
เมื่อมองไปรอบตัวแล้ว ทุกอย่างที่มีรูปร่างหรือรูปทรงมักเกิดขึ้นจากจุดจำนวนหลายจุดลากออกไปเป็นเส้น ดังกล่าวนี้อาจเรียกได้ว่าเป็น ‘พื้นผิว’ ประเภทหนึ่ง แล้วรูปร่างหรือรูปทรงของสิ่งนั้นก็เป็นผลมาจากอาณาเขตของพื้นผิวนั้นนั่นเอง
องค์ประกอบของภาพนี้มีทั้งเส้น, รูปร่าง, รูปแบบ และสีที่เรียบง่ายอย่างขาวดำ
ในการถ่ายภาพนั้นมิติที่เรามักจะได้เห็นและนำมาใช้กันบ่อยๆมีอยู่ด้วยกันสองมิติ (เพราะภาพถ่ายไม่มีความลึก) ซึ่งเส้นสายและพื้นผิวนี้เองจะช่วยให้ผู้รับชมภาพได้ซึมซับถึงความหนักเบาและระยะใกล้ไกลของภาพซึ่งนำไปสู่มิติที่ 3 ซึ่งเกิดจากความคิดและจินตนาการที่เกิดจากการมองเห็น
การออกแบบภาพถ่ายเองก็มีความคล้ายคลึงไม่ต่างจากการศาสตร์ออกแบบอื่นๆ เพียงแต่ในบางกฎนั้นอาจจะนำมาใช้ได้ยากสักหน่อยเพราะเราไม่ได้สร้างขึ้นเองได้ทั้งหมด ซึ่งถ้าผู้เรียนมีความเข้าใจในสิ่งต่างๆที่รวมกับเป็นภาพแบบหนึ่งเดียวได้อย่างลึกซึ้งแล้วจะสร้างความน่าสนใจให้กับภาพได้อย่างมาก (บทความนี้กล่าวถึงเส้นสายและรูปร่างที่ก่อให้เกิดรูปทรง)
รูปร่างมี 2 มิติ คือมิติความกว้างและยาว การจะสร้างให้เกิดมิติที่ 3 นั้นเกิดจากจินตนาการความนึกคิดล้วนๆ จึงต้องพิจารณาการจัดวางรูปร่างต่างๆให้เกิดความรู้สึกถึงมิติที่ 3 อย่างกลมกลืน
การปรากฎตัวของรูปร่างนั้นเป็นไปอย่างไร (ด้วยแสงและเส้นสาย) ซึ่งทำให้วัตถุชิ้นนั้นเกิดความหนักเบาหรือระยะของภาพ จวบจนทิศทางโดยรวมของภาพถ่าย
เส้นสายของภาพถ่ายมักเกิดจากของของรูปร่างและเส้นที่เป็นเส้นจริงๆ ส่วนนี้ถูกใช้เป็นส่วนนำสายตาให้มองไปยังพื้นที่ใดๆของภาพได้บ่อย
เกิดจากการทำซ้ำของเส้นสาย, รูปร่าง หรือรูปแบบรวมของภาพถ่ายอย่างต่อเนื่องกัน
พื้นผิวแสดงถึงความรู้สึกหนักเบาในภาพ เป็นการเกิดขึ้นแบบสองมิติโดยเน้นย้ำด้วยแสง
สีที่มีอยู่ในรูปร่าง
ส่วนที่ใช้บอกถึงอรารมณ์ความรู้สึกของภาพด้วยเฉดต่างๆ อีกทั้งยังกำหนดทิศทางแนวโน้มของอารมณ์โดยรวมได้
รูปร่างที่พบในการถ่ายภาพจำแนกออกได้อยู่ 2-3 ชนิด ดังนี้
1. รูปร่างในทางเรขาคณิต (Geometric Shape) : รูปร่างในทางเรขาคณิตโดยส่วนมากมักเกิดจากสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นด้วยความเข้าใจทางคณิตศาสตร์แบบเดียวกัน มักจะพบในการถ่ายภาพแนวสถาปัตยกรรมโดยส่วนใหญ่
2. รูปร่างแบบอิสระไร้ระเบียบ (Organic Shape, Irregular Shape) : รูปร่างที่เกิดขึ้นจากวัตถุรูปทรงธรรมชาติ เช่น กลีบใบโค้งของดอกไม้, การพุ่งสูงขึ้นอย่างแข็งแรงของป่าไผ่
3. รูปร่างโดยตรง (Positive) : เป็นรูปร่างที่ถูกกำหนดให้เป็นวัตถุสำคัญในภาพโดยตรง
รูปร่างโดยตรง ก็คือรูปร่างที่แสดงออกมาด้วยตัวของวัตถุเอง
4. รูปร่างโดยอ้อม (Negative) : รูปร่างที่อาจเกิดขึ้นจากจินตนาการโดยที่ภาพนั้นอาจจะไม่ได้กล่าวอะไรถึงรูปร่างแบบนั้นเลย เช่น เกิดขึ้นจากการประกบกันของสิ่งต่างๆ หรือเกิดขึ้นจากแสงและเงาตกกระทบ เป็นต้น
รูปร่างโดยอ้อม คือรูปร่างที่เกิดขึ้นโดยสภาพแวดล้อมที่ทำให้มนุษย์จินตนาการด้วยประสบการณ์ที่ตัวเองได้เรียนรู้มา (เราเห็นเป็นรูป 6 เหลี่ยม)
เปรียบเสมือนกับสีสันที่สามารถกำหนดอารมณ์ภาพได้ รูปร่างและรูปแบบเองก็เช่นกัน เช่นเส้นโค้งสะท้อนถึงอารมณ์พริ้วไหวต่อเนื่องและนุ่มนวล ในขณะที่เส้นตรงจะแสดงถึงความแข็งแรง นอกจากนี้ก็ยังจำแนกออกไปอีกหลายประเภทเช่นเส้นแนวตั้งแนวนอน รูปเหลี่ยมต่างๆ
เพราะนี่ไม่ใช่งานศิลปะที่ต้องสร้างขึ้นมาทุกสิ่งอย่าง การที่จะกำหนดให้ทุกอย่างแก้ไขได้จึงอยู่ในกลุ่มของภาพถ่ายที่อาศัยทักษะการแก้ไขภาพระดับสูง (Manipulation)
ลองนึกถึงวัตถุเช่นแก้วกาแฟ จะพบว่าการเลือกมุมต่างๆในการบันทึกภาพมีความสำคัญ เช่น ถ้ามองจากมุม 45 องศาเราจะเห็นแค่ด้านกว้างของแก้ว แต่ถ้าหากมองจากมุมบนจะเห็นเป็นวงกลมและกาแฟที่อยู่ในแก้ว และการถ่ายภาพที่ให้มองเห็นทุกมิติของแก้ว
มุมมองในการถ่ายภาพจึงมีความสำคัญที่ใข้กำหนดความเป็นไปของภาพและสื่อสารในสิ่งที่ช่างภาพต้องการออกมาได้โดยตรง
แสงใช้อธิบายความงามของภาพได้โดยตรง แสงมีหลายประเภทและหลากหลายอารมณ์ ปริมาณและมุมตกกระทบของแสงในมุมต่างๆมีผลต่อการมองเห็น ต่อเนื่องมายังอารมณ์ที่ปรากฏในภาพ
ทางยาวโฟกัสเกี่ยวข้องกับมุมรับภาพและการดึงเอาของที่อยู่ไกลมาใกล้ตามากขึ้นหรือน้อยลง อีกทั้งยังใช้ขจัดสิ่งรบกวนสายตาออกไปได้มากในกรณีของเลนส์ที่มีทางยาวโฟกัสสูง ซึ่งการสร้างสรรค์ในหลายลักษณะอาจจะต้องใช้ประสบการณ์ในการเลือกใช้งานเลนส์เพื่อให้เกิดงานที่ตรงตามความต้องการมากที่สุด
การจัดองค์ประกอบที่มีส่วนของเส้นในการชี้นำสายตาไปยังจุดๆหนึ่งในภาพหรือไม่แม้แต่จะชี้นำอะไรแต่ทำตัวเป็นจุดเด่นเสียเองต่างก็มีความสำคัญหากจะต้องเลือกใช้ สำหรับผู้เริ่มต้นอาจจะต้องพิจารณาถึงอะไรๆในภาพที่มีความต่อเนื่องหรือความชัดเจนว่าจินตนาการได้เป็นเส้นก็ใช้ได้เช่นกัน
เส้นและรูปร่างนั้นพึงประเมินความหนักของภาพอยู่ตลอดเวลาว่ามีการให้น้ำหนักเฉลี่ยกับสิ่งต่างๆในภาพแล้วเอนไปทางใดทางหนึ่งหรือไม่ ทั้งในแบบดุลยภาพแบบสมมาตรและอสมมาตร