ซีรี่ย์ Superia ของ Fujicolor ได้ถูกทำออกมาเพื่อใช้ในหลายสภาพแสง ไม่ว่าจะเป็นที่ ISO100, 200, 400, 800, 1600 การจูนสีเพื่อใช้ในแต่ละสภาพแสงนั้นให้เฉดและสีสันที่ไม่เหมือนกันเสียด้วย (ด้ายการล้างฟิล์มมาตรฐานของโกดักคือ C-41) ซึ่งราคาของซีรี่ย์ก็อยู่ในระดับที่ใครก็เอื้อมถึง เป็นฟิล์มสารพัดประโยชน์ที่มีช่วงการใช้งานกว้างและไม่จำเพาะเจาะจง
ฟิล์มซีรี่ย์ Superia ในท้องตลาดจวบจนถึงปัจจุบันมีราคาที่ไม่แพง แถมโทนและสีที่ได้จากฟิล์มก็ใช้งานได้กว้างๆไม่เจาะจงว่าต้องฉูดฉาดไปภาพภาพภูมิทัศน์ หรือนุ่มนวลจืดจางแบบภาพถ่ายบุคคล การออกแบบเน้นความยืดหยุ่นสูงเพื่อใช้งานได้กับแสงกลางวันในสถานที่กลางแจ้ง หรือในร่มคู่กับการยิงแฟลช ซึ่งโทนภาพมีความหนักอย่างน่าสนใจ, ความละเอียดของโทนผิวที่ดี, เกรนในภาพกระจายตัวสวย และความคมขอบที่ชัดเจนไม่พร่าเกินไป
FujiColor Superia 100 สเกลสีแบบดั้งเดิม
ภาพทั่วไปก็ใช้งานได้ดีทีเดียว
ด้วยเหตุผลดังนี้ สเกลที่ใช้จึงไม่มีความสุดโต่งในแง่ของสี และโทนภาพที่เกิดขึ้นหลังจากการใช้งานจึงต้องช่วยให้ภาพดูดีทั้งหน้าจอและงานพิมพ์ ช่วงสีที่ถูกใช้มีความระมัดระวังในขณะที่ความสนใจของภาพจากการแปลกแยกส่วนสว่างส่วนมืดต้องมากขึ้น ชนิดที่ว่าหากนึกอะไรไม่ออก ซีรี่ย์ Superia จะเป็นกลุ่มแรกๆที่ผู้ใช้นึกถึง
สังเกตจากภาพเห็นว่าสีเขียวซึ่งเป็นสีที่พบในธรรมชาติอย่างต้นไม้ใบหญ้าถูกพบได้บ่อยจะมีความอมฟ้า–น้ำเงินเพิ่มขึ้น (สีเขียวเย็น) โทนภาพจะมืดลง ความทึบของฟิล์มส่วนสีเทาทึบก่อนจะมืดสนิดถูกอัดรวมกันไปบางส่วน และไม่มีสีดำสนิทในภาพ ส่วนสว่างของภาพสูญเสียค่าสีขาวสูงสุดไปเล็กน้อย
สังเกตได้ชัดว่าสีเขียวเย็นมากขึ้น
สีผิวเป็นส่วนสำคัญของฟิล์มจำลองนี้ ต้นฉบับของภาพทดสอบสีผิวจะค่อนข้างอมแดง หลังจากการกดใช้พรีเซ็ตภายใต้เงื่อนไขภาพที่บันทึกมาอย่างพอดีพบว่ากลุ่มสีถูกเกลี่ยให้มีความเป็นผิวมากขึ้นโดยที่สีไม่ถูกเร่ง และแทบจะไม่รู้สึกว่าเข้มขึ้นเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่ภาพรวมเกี่ยวกับเนื้อหนังสวยงามขึ้นหากสังเกตให้ดี
อย่างไรก็ตามควรใช้สเกลอื่นๆแก้ด้วยก็จะดีครับ
เพราะ Fuji Superia 100 ไม่ได้เน้นไปที่ความอิ่มตัวที่มาจากการเพิ่มสเกล Saturation ความยากจึงแบ่งออกเป็นสองประเภท ได้แก่การใช้สเกลคู่ Saturation แบบ RGB Primary ในส่วนของ Camera Calibration ที่ไม่ว่าจะเลื่อนสเกลอะไรลงก็ส่งผลต่อสองสีในแชนเนลเสมอ และการลดแบบสเกลเดี่ยวที่ HSL Panel ซึ่งต้องใช้ผสมผสานในด้านมิติของสีโดยคำนึงถึงการใช้งานกับภาพจากกล้องอื่นที่สีเปลี่ยนแปลงให้ดีด้วย
เราจะพยายามไม่ยุ่งกับสเกลอื่นให้มากที่สุด ยกเว้น 3 พาเนลนี้ที่ใช้ควบคุมสีและโทน
ให้เรื่องยากๆเป็นหน้าที่ของเราได้เลย
ความแตกต่างของฟิล์ม Fujicolor Superia 100 ในสมัยที่เป็นฟิล์ม ทางเราออกแบบมา 3 รูปแบบที่เน้นไปที่ความเหมือนมากที่ถูก นั่นคือสีไม่เข้มแต่โทนหนักนิดหน่อย โดยรวมความเฟดของภาพจะมากกว่ารุ่นปรับปรุงแล้วใน FujiFilm X-Series อย่าง ‘Classic Chrome’ สรุปง่ายๆก็คือการใช้พรีเซ็ตในกลุ่ม Original ที่มีคอนทราสต์เบา จะเหมาะสมกับภาพที่มืด ในขณะที่ X-Series Edition คอนทราสต์หนักกว่า
FujiColor Superia 100 ในแบบสเกลดิจิตอลบนกล้อง X-Series ของ FujiFilm
ใช้ชื่อว่า ‘Classic Negative’ ภาพจะเคลียร์ใสกว่าเพราะไม่มีการเพิ่มเกรน
เราตั้งใจอย่างมากในการสร้างพรีเซ็ตสำหรับ Lightroom Classic CC โดยอ้างอิงแหล่งภาพจากชุมชนผู้ใช้งานฟิล์ม จนออกมาเป็น 3+1 พรีเซ็ตที่สมบูรณ์แบบ พรีเซ็ตชุดนี้ให้เกรนไม่มากและสีไม่จัด ข้อควรระวังการใช้งานไม่ค่อยมีระบุเอาไว้ตายตัวนัก 3 พรีเซ็ตแรกยังคลาสสิคน่าใช้งาน ส่วน X-Series Edition อย่าง Classic Chrome ก็สร้างแรงดึงดูดในภาพด้วยโทนทึบได้ดี
พรีเซ็ตฟิล์มสำหรับ Lightroom Classic CC
FujiColor Superia 100 พร้อมกับ Classic Chrome (X-Series Edition)
วางขายแล้วในราคา 165 บาท ในส่วนร้านค้า [คลิกที่รูปหรือคลิกที่นี่ก็ได้นะ]