ยุคเริ่มต้นของการบันทึกภาพในระบบดิจิตอล เรายังไม่มีโปรแกรมหรือเครื่องมือที่ชาญฉลาดมากพอในการแปลงภาพถ่ายสีเป็นขาวดำ สิ่งที่ทำได้ในเวลานั้นคือโหมดขาวดำที่ติดมากับตัวกล้อง บ่อยครั้งการมองเห็นภาพในขณะที่ยังเป็นสีกลับดูดีกว่า
จนมีคนกลุ่มหนึ่งที่ประดิษฐ์อุปกรณ์ซึ่งช่วยให้ภาพถ่ายขาวดำด้วยโหมดขาวดำจากกล้องมีความน่าสนใจมากขึ้น สิ่งนั้นคือฟิลเตอร์สีซึ่งมีวิธีการใช้งานง่ายดายเพียงแปะไว้หน้าเลนส์ ความไวต่อสีต่างๆในภาพเมื่อแปลงเป็นขาวดำจึงแปลกตาและเป็นที่นิยมอย่างมากในตอนนั้น
ว่าแต่ว่าเราจะอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ได้อย่างไร?
ความสว่าง (Luminance) หรือ สภาพส่องสว่าง (Luminosity) เป็นองค์ประกอบที่มีอยู่ในสีทุกสีบนโลกใบนี้ เกิดเป็นความหนักเบาต่างๆ เช่น สีน้ำเงินเข้มเป็นสีน้ำเงินที่มีความส่องสว่างน้อย ถ้ามีค่าความส่องสว่างมากจะกลายเป็นสีฟ้า ดังนั้นหากไม่เข้าใจถึงความมีอยู่ของความสว่างในทุกสิ่ง การแปลงภาพถ่ายขาวดำจะไม่มีเสน่ห์ดึงดูดใจ
สีต่างๆเมื่อแปลงเป็นขาวดำ
การแปลงภาพสีเป็นภาพขาวดำ หรือแม้แต่การตั้งค่ากล้องให้อยู่ในโหมดขาวดำนั้นเป็นการแปลงแบบ Greyscale (ลดค่าความอิ่มตัวของทุกสี = 0) ภาพที่เห็นจะค่อนข้างแบนในด้านมิติ ไม่มีความหนักเบาและไม่มีชีวิตชีวา
ฟิลเตอร์สี (Color Filter) จึงเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ โดยเมื่อเข้าสู่โหมดถ่ายภาพขาวดำในขณะที่กำลังติดฟิลเตอร์สีช่างภาพจะรู้สึกได้ถึงเฉดสีที่ดูดกลืนและปลดปล่อย ทำให้ความเปรียบต่างของน้ำหนักสีมีมากขึ้น ฟิลเตอร์สีทำได้ทั้งซื้อมาแบบอุปกรณ์ติดหน้าเลนส์ และปัจจุบันสามารถแปลงเอาเองได้ในโปรแกรมตกแต่งภาพถ่าย
การถ่ายภาพขาวดำ มีฟิลเตอร์สีที่มักใช้แปลงบ่อยอยู่ 5 สี ได้แก่ แดง, ส้ม, เหลือง, เขียว และ น้ำเงิน หน้าที่หลักคือฟิลเตอร์สีใดปิดหน้าเลนส์สีนั้นที่อยู่ในภาพก็จะสว่างขึ้นเวลาแปลงเป็นขาวดำ และสีอื่นก็จะถูกบล็อกหรือลดหลั่นความสว่างลงไป เช่น ฟิลเตอร์สีแดงเมื่อทำภาพเป็นขาวดำสีแดงก็จะสว่างมาก แต่สีเขียวและน้ำเงินในภาพจะถูกบล็อก
ฟิลเตอร์แต่ละสีต่างก็ปลดปล่อยและดูดกลืนสีต่างกัน การใช้งานให้ถูกประเภทกับภาพจึงช่วยให้ช่างภาพลดขั้นตอนการแปลงภาพขาวดำและทำให้ภาพขาวดำนั้นดูดีขึ้นตั้งแต่หลังกล้อง
ฟิลเตอร์สีแดงให้ความเปรียบต่างที่จัดจ้าน โทนสีสว่างส่วนใหญ่จะโดดเด่นขึ้นมาทันทีเมื่อใช้ฟิลเตอร์นี้ และสีในโทนเย็นมักจะถูกบล็อกให้ดำกว่าเดิม ในการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ฟิลเตอร์สีแดงจะทำให้ท้องฟ้าที่มีสีฟ้าเข้มกลายเป็นสีดำเกือบสนิทเมื่อทำภาพขาวดำ ตัดขาดกับกลุ่มก้อนเมฆที่เป็นสีขาว ให้ความรู้สึกขึงขังจริงจังและน่าสนใจมากในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส่มีเมฆมากหรือกลุ่มหมอกหนา
เปรียบเทียบเมื่อใช้ฟิลเตอร์สีแดง
นอกจากนี้ฟิลเตอร์สีแดงยังช่วยแยกความแตกต่างระหว่างดอกไม้และใบไม้ได้ดี (เฉพาะดอกไม้ที่ส่วนใหญ่เป็นสีในโทนร้อน) หรือทำให้ผิวของคนสว่างขึ้นเมื่อทำเป็นภาพขาวดำ
เป็นฟิลเตอร์ที่อยู่ระหว่างฟิลเตอร์สีเหลืองและฟิลเตอร์สีแดง การใช้ฟิลเตอร์ชนิดนี้ให้สมดุลดีที่ของภาพ ความเปรียบต่างของภาพจะไล่ได้นุ่มนวล ช่างภาพโดยส่วนมากมักใช้ฟิลเตอร์สีส้มเพื่อลดรายละเอียดของฝ้าหรือกระบนผิวหน้าตัวแบบในการถ่ายภาพบุคคล
เปรียบเทียบเมื่อใช้ฟิลเตอร์สีส้ม [ที่มา]
หรือแม้แต่การถ่ายภาพชุมชนเมือง, ตึกแถวที่มีการก่อสร้างด้วยอิฐ ฟิลเตอร์สีส้มจะช่วยเพิ่มน้ำหนักความเปรียบต่างของชนิดวัสดุในภาพ มีความลึกมองเห็นพื้นผิวได้ชัดเจน
จะว่าไปการใช้ฟิลเตอร์สีส้มในการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์นั้นมีเหตุผลอยู่ไม่กี่ข้อ เช่น การเกลี่ยความโดดเด่นของควันหรือหมอกให้น้อยลงแล้วไปเพิ่มน้ำหนักของเมฆที่ท้องฟ้าเท่านั้น
เป็นฟิลเตอร์ที่ส่งผลกระทบต่อน้ำหนักความจริงในภาพน้อยมากที่สุดในบรรดาฟิลเตอร์ 5 สี มักจะถูกหยิบขึ้นมาใช้ในกรณีที่มองเห็นถึงความเปรียบต่างอยู่แล้วเมื่อเป็นภาพสี ช่างภาพที่หัดถ่ายภาพขาวดำจะนิยมใช้ฟิลเตอร์สีเหลืองเพราะค่อนข้างตรงกับความจริงในภาพ
เปรียบเทียบเมื่อใช้ฟิลเตอร์สีเหลือง [ที่มา]
เวลาถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ฟิลเตอร์สีเหลืองจะทำให้ท้องฟ้ามืดลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้นทำให้พอแยกแยะระยะห่างระหว่างพื้นกับท้องฟ้า และด้วยความเปรียบต่างน้อยนี้ทำให้เวลาถ่ายภาพดอกไม้ใบหญ้าความคมชัดและรายละเอียดจึงมีมากกว่าการใช้ฟิลเตอร์ที่ส่งผลรุนแรงกว่า
เมื่อคุณต้องหยิบฟิลเตอร์สีใดสีหนึ่งขึ้นมาถ่ายพืชหรือต้นไม้ใบหญ้าที่มีสีเขียว ฟิลเตอร์นี้จะมีประโยชน์ทันทีเพราะจะช่วยขับให้สีเขียวในภาพโดดเด่นออกมาเวลาเป็นภาพขาวดำ แต่นอกจากนั้นก็ยังไม่เห็นข้อดีอื่นๆมันจึงเป็นฟิลเตอร์ที่ค่อนข้างเฉพาะทาง เว้นเสียแต่ว่าคุณอยากจะผลักให้พื้นหลังที่เป็นสีเขียวแยกตัวออกจากดอกไม้ในฉาก (ดอกไม้จะเข้มกว่าแทน)
เมื่อใช้ฟิลเตอร์สีเขียว
ข้อดีอีกอย่างหนึ่งก็คือการใช้ฟิลเตอร์สีเขียวในงานถ่ายภาพวิวธรรมชาติ เพราะฉากโดยส่วนใหญ่ประกอบด้วยเสียวโดยส่วนมาก แต่ก็มีข้อควรระวังอยู่บ้างคือรายละเอียดที่ท้องฟ้าบางส่วนจะหายไปได้เนื่องจากความสว่างเล็กน้อยที่ฟิลเตอร์ทำปฏิกิริยานั่นเอง
ไม่ค่อยมีคนใช้ฟิลเตอร์สีน้ำเงินถ่ายภาพขาวดำ เป็นฟิลเตอร์ที่ช่างภาพรักน้อยที่สุดเนื่องจากทำให้เฉดสีเกือบทั้งหมดของภาพเป็นสีดำจนถึงดำสนิท ความเปรียบต่างเกิดขึ้นน้อย
เปรียบเทียบเมื่อใช้ฟิลเตอร์สีน้ำเงิน [ที่มา]
หน้าที่ของฟิลเตอร์สีน้ำเงินคือทำให้เกือบทุกสีมืดลง (สงบลง) และลดความเปรียบต่างที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ในภาพ จึงเหมาะสำหรับภาพขาวดำที่ต้องการปิดบังรายละเอียดที่ไม่ต้องใส่ใจมากนัก ภาพที่เหมาะกับฟิลเตอร์ขาวดำ เช่นภาพหมอกควัน บรรยากาศจางๆในตอนเช้า