การย่อภาพลงบนเฟซบุ๊กนับเป็นกรณีศึกษาที่ดีในการที่จะอธิบายให้ผู้เรียนทราบถึงการส่งออกไฟล์ภาพไปยังแหล่งต่างๆที่มีความต้องการขนาดที่ต่างกัน ทั้งนี้ยังขึ้นอยู่กับขอบเขตของกลุ่มผู้ใช้งานขนาดหน้าจอที่ไม่เหมือนกันอีกด้วย แล้วขนาดเท่าไหร่จึงจะครอบคลุมกลุ่มผู้ที่ชมภาพมากที่สุดเนื้อหาและการตั้งค่าคือสิ่งที่ผู้เรียนจะได้ไปจากบทเรียนนี้ครับ
สถิติความละเอียดหน้าจอที่นิยมในเดือน กรกฏาคม 2016
สาเหตุที่ผู้สอนยกตัวอย่างสถิติการสำรวจผู้ที่ใช้ความละเอียดหน้าจอขึ้นมานี้เหตุผลก็เพื่อที่จะให้ผู้เรียนได้ทราบว่า ณ เวลานี้ความนิยมหน้าจอของโลกกำลังไปในทิศทางใด เพื่อที่จะทำให้การส่งออกภาพถ่ายไปยังแหล่งต่างๆได้ครอบคลุมทุกความละเอียดมากที่สุด หากไม่ได้มีการกำหนดเกณฑ์ของขนาด ซึ่งผลในทางสถิติจากข้อมูลผู้ใช้มีดังนี้
ข้อกำหนดขนาดภาพถ่ายของ Facebook
พอดีว่าบทเรียนนี้กำลังพูดถึงการอัพโหลดขึ้นไปยัง Facebook ดังนั้นการเข้าไปดูกฏข้อบังคับหรือข้อแนะนำในการเลือกไฟล์ภาพเพื่ออัพโหลดขึ้นไปนั้นมีความเป็นไปได้ว่าจะไม่เหมือนกับที่อื่นอย่างเช่น Pinterest, Instagram, Tumblr และอื่นๆ ซึ่งข้อกำหนดของ Facebook มีอยู่ว่า…
ภาพถ่ายขนาดใหญ่ที่มีความเหมาะสม ด้านที่ยาวกว่าของภาพควรอยู่ที่ 2,048 พิกเซล และภาพขนาดเล็กที่ยังดูดี ด้านที่ยาวกว่าภาพควรอยู่ที่ 960 พิกเซล..
“ด้านที่ยาวที่สุด” หมายความว่าหากเป็นภาพแนวนอนค่าความกว้างจะมากกว่าค่าความยาว และค่าความยาวจะมากกว่าค่าความกว้างในกรณีเป็นภาพแนวตั้ง เราจะไม่อัพโหลดภาพที่มีขนาดด้านยาวสุดที่ 960 พิกเซลเพื่อคุณภาพสูงสุดของภาพถ่ายหากถูกรับชมบนหน้าจอที่มีความละเอียดสูงอย่างจอเรติน่าครับ
ขนาดที่ลดลงอย่างชัดเจนเมื่อลองเซฟภาพกลับมาดู
อัพโหลดที่คุณภาพสูงสุดทุกครั้ง
สำหรับ Facebook จะมีคำสั่งให้บีบอัดภาพของผู้เรียนมากราวๆเกือบ 90% ของขนาดไฟล์ที่อัพโหลดขึ้นไป เหตุผลง่ายๆที่ทำแบบนี้ก็คือใน 1 วันมีคนอัพโหลดภาพขึ้นบนสังคมออนไลน์ดังกล่าวมากกว่า 100 ล้านรูปต่อวัน การลดขนาดไฟล์ดังกล่าวช่วยลดภาระของทาง Facebook ได้มากมายมหาศาล (ฟังก์ชั่นนี้ครอบคลุมการอัพโหลดภาพแบบ PNG แล้ว)
ถ้าหากผู้เรียนพอสังเกตได้ในบริเวณที่มีการไล่สีของภาพถ่าย จะมีลักษณะเป็นปื้นๆ เช่น ริ้วของท้องฟ้า หรือการไล่สีในลักษณะต่างๆ เราไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้นอกเสียจากไปอัพโหลดภาพกับแหล่งเผยแพร่อื่นที่ไม่มีสคริปต์การบีบอัดไฟล์อย่าง 1x.com หรือ 500px.com เป็นต้น
จำนวนพิกเซลต่อ 1 นิ้ว (ppi)
มีผู้เรียนหลายท่านสงสัยว่าควรใช้ค่า ppi ที่เท่าไหร่กันแน่จึงจะเหมาะสม ค่า ppi (pixel per inch) หรือความหนาแน่นของพิกเซลใน 1 นิ้ว หมายถึงในความยาวทุกๆ 1 นิ้วจะมีเม็ดพิกเซลนับได้ 72 จุด สำหรับมาตรฐานจอภาพทั่วไปคือ 72ppi ส่วน 144ppi เป็นความละเอียดที่ดูได้คมชัดบนจอภาพเรติน่า ทั่วไปแล้วการกำหนดขนาดไว้ที่ 72 ppi นั้นก็เพียงพอเหมาะสมต่อการรับชม แต่ใครจะกันเหนียวไว้มากกว่านี้ก็ไม่ว่ากันครับ
กำหนดค่าการส่งออกอย่างถูกต้องที่ Lightroom CC
ไม่ใช่ทุกครั้งที่เราจะส่งออกไปยังเฟซบุ๊ก ดังนั้นการสร้างแม่แบบเอาไว้ใช้เพื่อที่จะได้ไม่ต้องกลับมาตั้งค่าใหม่ทุกครั้งจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เริ่มได้จากการเปิดหน้าต่างส่งออก (Export) หลังจากเลือกภาพที่ต้องการหรือตกแต่งเรียบร้อยแล้วให้ไปที่ File > Export หรือใช้คีย์ Control + Shift + E (win) | Command + Shift + E (mac)
หน้าต่างการส่งไฟล์ภาพออกแบบคร่าวๆ
Export to : เราจะกำหนดพื้นที่ส่งออกหลักคือตำแหน่ง Desktop บนคอมพิวเตอร์ซึ่งตำแหน่งดังกล่าวอยู่ภายในฮาร์ดดิสก์ของเราเอง ให้เลือก ที่ Export to > Hard Drive
Export Location : จะเป็นตำแหน่งย่อยหลังจากที่เราได้กำหนดตำแหน่งหลักเรียบร้อยแล้วให้หาตำแหน่ง Desktop แล้วไม่ต้องทำเครื่องหมายถูกที่ Put in Subfolder เพราะไม่ได้จะเอาไว้ในตำแหน่งโฟลเดอร์ย่อย และไม่ต้องทำเครื่องหมายถูกที่ Add to This Catalog ด้วย
ถ้าไฟล์นั้นมีชื่ออยู่ในตำแหน่งที่ระบุแล้วจะให้ทำอะไร > เปลี่ยนชื่อใหม่, เขียนทับ หรือ ไม่ต้องส่งออก
File Naming : ส่วนของการจัดการชื่อไฟล์ ถ้าหากว่าต้องการพ่วงท้ายชื่อเอาไว้เพื่อจดจำว่าไฟล์นั้นๆจะเอาไปใช้กับอะไรก็ให้ตั้งคำพ่วงเอาไว้ก็ได้ อย่างผู้สอนจะชอบพ่วงท้ายชื่อไฟล์ด้วย “_fb” เพื่อให้เข้าใจว่าภาพดังกล่าวจะนำเอาไปใช้บนเฟซบุ๊กเท่านั้น
Video : ส่วนนี้เราไม่ยุ่งเกี่ยวกับวิดีโอและรหัสสัญญาณต่างๆ จึงจะไม่มีการพูดถึงในขณะนี้
File Setting : ที่ Image Format เลือก JPEG คุณภาพ 100% (เพราะยังไงก็โดนลดทอนอยู่แล้ว) และรูปแบบสีสำหรับการแสดงบนหน้าจอมาตรฐานทั่วโลก คือ sRGB (ส่วน File Size ถ้าเรากำหนด จะควบคุมคุณภาพไฟล์ไม่ได้)
Image Sizing : อย่างที่บอกว่าด้านที่ยาวที่สุดของภาพ ถ้าแนวนอนคือความกว้างแต่ถ้าเป็นแนวตั้งคือความยาว เราจึงต้องเลือก Long Edge ที่ 2048px ไว้เพื่อความสะดวก จะได้ไม่ต้องมาเลือกสลับไปสลับมาบ่อยๆ ส่วนตรง Resolution ตั้งไว้ที่ 72 หรือมากกว่า
กำหนดชื่อแบบที่ LR เตรียมให้ ไม่พอใจก็เลือก Edit เอง
กำหนดรูปแบบชื่อเอาเองไปเลย
Output Sharpening : การปรับคมให้เหมาะสมกับแหล่งส่งออก ถ้าไม่ปรับคมในกระบวนการแต่งภาพเลยให้เลือกแบบ Screen แต่ถ้าปรับคมเป็นอยู่แล้วส่วนนี้จะละไว้ก็ได้
Metadata : ชุดข้อมูลลิขสิทธิ์อัตโนมัติ สำหรับการส่งออกภาพแบบฝังค่าคำเฉพาะเช่นกรณีส่งขายที่ Stock
Watermarking : ส่วนของการจัดการลายน้ำ ถ้ามีก็เลือกแม่แบบลายน้ำที่ตั้งค่าเอาไว้ใส่เข้าไปได้เลย
Post-Process : ขั้นตอนที่รับช่วงต่อหลังจากส่งออกภาพ ว่าจะใช้โปรแกรมอะไรมารับต่อไปหรือไม่ เช่น Photoshop ซึ่งถ้าไม่ก็ไม่ต้องเลือกครับ
ขนาดและคุณภาพไฟล์กำหนดที่นี่ครับ
ส่วนนี้กำหนดประบวนการช่วงท้ายอย่างการปรับคม, ข้อมูลลิขสิทธิ์, ลายน้ำ และ การตกแต่งที่รับช่วงต่อ
เซฟแม่แบบไว้ใช้ในครั้งต่อไป
ถ้าหากว่าต้องส่งออกไปที่ Facebook บ่อยๆแล้วไม่อยากกลับมาตั้งค่าซ้ำก็ให้กดที่ Add ตรงส่วนของแม่แบบด้านซ้ายล่าง แล้วกำหนดชื่อ Folder ว่า Social Networks โดยที่มีคำสั่งแม่แบบภายในว่า Facebook หรือเอาตามที่เข้าใจไว้ก็ได้ เพื่อเรียกการตั้งค่าส่งออกดังกล่าวกลับมาใช้ได้อย่างสะดวก
ตรง Folder เลือก > New Folder ก่อน เพื่อที่จะตั้งชื่อ Folder
เมื่อตั้งชื่อโฟลเดอร์เสร็จให้ตั้งชื่อแม่แบบไว้ใช้ได้เลย