เช้าวันที่เสาร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 ที่ผ่านมา ผู้สอนและทีมงานภาคสนาม ได้รับเกียรติจากทางบริษัทชีร์โร่มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) และคุณพิษณุ โถยอด ในการเข้าร่วมใช้งานและนำกล้องถ่ายภาพดิจิตอล Sigma SD Quattro พร้อมเลนส์ Sigma 18-35mm f/1.8 DC HSM Art กับ Sigma 50-100mm f/1.8 DC HSM Art ที่สวนวชิรเบญจทัศน์ (สวนรถไฟ), กรุงเทพฯ พร้อมนำกลับมาทดลองใช้งานจริงในหลายสถานการณ์ ความประทับใจและข้อเสนอแนะรวมไปถึงคำแนะนำเพิ่มเติมจะเป็นอย่างไรบ้าง บทความนี้จะได้กล่าวถึงอย่างละเอียดกันครับ
สิ่งที่ควรรู้ก่อนอ่านบทความด้านล่างนี้
ผู้สอนมีประสบการณ์ในการใช้งานจริงจากกล้องถ่ายภาพดิจิตอล Sigma มาได้สักพักใหญ่ๆแล้ว (ซึ่งได้แก่ Sigma DP1 Merrill, Sigma DP2 Merrill และ Sigma DP3 Quattro จนถึงตอนนี้ทั้งสามยังคงเป็นกล้องถ่ายภาพหลักติดตัว) รวมไปถึงทีมงาน DozzDIY ทุกท่านต่างได้ใช้งานกล้องที่ว่ามานี้กันอย่างทั่วถึง
ภาพบรรยากาศวันที่ 6 พฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา
1/500sec | f/1.8 | ISO100
Sigma SD Quattro + Sigma 18-35mm f/1.8 DC HSM Art
ความลำบากในการใช้งานคงไม่มีการพูดถึงมากนักซึ่งถ้าผู้อ่านอยากทราบรายละเอียดในส่วนนี้ขอให้ย้อนไปอ่านในบทความที่ผ่านมาเกี่ยวกับกล้อง Sigma ไม่ว่าจะเป็น Sigma DP2 Merrill และ Sigma DP3 Quattro ที่ผู้สอนเคยเขียนไปนะครับ
ลักษณะทางกายภาพทั่วไป
ถ้าต้องเทียบกับกล้องถ่ายภาพดิจิตอลจาก Sigma กับค่ายอื่น สิ่งที่ต้องพูดถึงคงมีหลายเรื่อง อาทิ กล้องใหญ่ขึ้นแต่เซ็นเซอร์ยังเป็นขนาด APS-C เหมือนเดิม (ทำให้คนที่ใช้อยู่จะสงสัยว่าเหนื่อยเพิ่มขึ้นเพื่อแค่เปลี่ยนเลนส์เนี่ยเหรอ) หรือ ไม่ว่าจะเป็นเบ้าสวมเลนส์ที่ยื่นออกมาด้านหน้า (เบ้าสวมเลนส์ใช้กับเลนส์ Sigma SA เดิมได้เลย เป็นเลนส์ DSLR ด้วยครับ แปลกจริงๆ) หรือจะเป็นตำแหน่งของปุ่มที่พิลึกกึกกือจนไม่อาจใช้ความเคยชินเดิมๆ สร้างความสับสนพักใหญ่ในการใช้งานจนกว่าจะเข้าที่ ทุกอย่างนี้ต้องคลุกคลีอยู่ด้วยสักพักจึงเกิดความคุ้นชิน การนำออกนอกสถานที่และเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ต้องถ่ายภาพบ่อยๆจะทำให้เกิดความคุ้นเคยจนเข้าที่เข้าทาง
ความคล่องแคล่วในการใช้งาน (Mobility)
Sigma SD Quattro เป็นกล้องไร้กระจก (Mirrorless Camera) มีรูปลักษณ์ที่ใหญ่จนเกือบเทอะทะเท่ากับกล้อง DSLR ในรุ่นกลาง เฉพาะตัวกล้องหนักราวๆ 625 กรัม กริปถือออกแบบมาได้ดีจับถนัดไม่หลุดง่ายมีความแข็งแรง
ความคล่องตัวเมื่อเทียบกับซีรี่ย์ DP Quattro ที่เคยใช้ลดลงไปค่อนข้างเยอะ ความนิ่งในการถือถ่ายด้วยมือลดลง การใช้งานทั้งวันสร้างความเมื่อยล้าให้กับคนที่ไม่แข็งแรงมากพอทำให้การเปลี่ยนเลนส์จึงรู้สึกขี้เกียจตามไปด้วย เพราะน้ำหนักที่มากขึ้นทั้งตัวกล้องและเลนส์ แต่สำหรับผู้ที่เคยใช้กล้องขนาดดังกล่าวแล้วไม่น่าจะเป็นปัญหามากเท่าไรนัก
ตำแหน่งของปุ่มกับการวางมือ (Positioning & Handling)
ความประทับใจแรกของทีมงาน DozzDIY ทุกท่านที่ได้เห็นกล้องนี้ก็คือเราไม่รู้ว่าปุ่มเปิดปิดกล้องอยู่ตรงไหน เรียกได้ว่าเป็นมิติใหม่ของการวางตำแหน่งปุ่มของกล้องถ่ายภาพดิจิตอลเลยทีเดียวเพราะตำแหน่งที่ว่าคือคอเบ้าสวมเลนส์นั่นเองครับ งงใช่ไหมล่ะ (นึกว่าสวิตซ์หมุนโฟกัสด้วยมือ)
ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างคอนโทรลเลอร์ทางด้านขวาของกล้องนั้นยากที่จะใช้ช่องมองภาพพอสมควร ถ้าหากจะใช้ช่องมองภาพต้องสร้างความเคยชินไปสักระยะโดยเริ่มจากการมองที่จอ LCD ซึ่งให้ความละเอียดของสีสันที่เชื่อถืออะไรไม่ได้แถมยังมีจังหวะหน่วงอีกต่างหาก แต่พูดถึงสถานการณ์จริงผู้สอนก็ไม่ค่อยได้ใช้ช่องมองแม้ในกลางแจ้ง จะเอามือป้องแสงแล้วมองผ่าน LCD อยู่แล้ว
การใช้งานที่ง่ายขึ้นกว่าทุกรุ่นที่ผ่านมา (Easy to Use)
ถ้า Sigma จะต้องทนทำกล้องที่ช้าลงไปกว่ารุ่นที่แล้วคงไม่มีใครใช้แน่ๆแม้กระทั่งผู้ใช้เก่า และเป็นปกติอยู่แล้วที่กล้องในรุ่นถัดมาจะรับเอาข้อบกพร่องและปัญหาครั้งเก่าก่อนไปปรับปรุงทำให้ต้องบอกว่า Sigma SD Quattro เป็นกล้องถ่ายภาพที่พร้อมแล้วสำหรับผู้ถ่ายภาพหน้าใหม่ที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการถ่ายภาพมาก่อน (ก็จะดีมากเพราะจะได้ไม่มีอะไรบ่น 555) หรืออยากย้ายค่ายแล้วมาลองระบบใหม่
สิ่งที่นอกเหนือจากความเร็วในการเข้าถึงเมนูส่วนต่างๆก็มีโหมดวิเคราะห์ใบหน้าที่ทำให้ถ่ายภาพบุคคลได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ทั้งยังมีการปรับปรุงการทำงานด้านซอฟท์แวร์ตกแต่งแก้ไขอย่าง Sigma PhotoPro ให้ทำงานร่วมกันกับไฟล์ภาพดิบได้อย่างมีเสถียรภาพมากขึ้นอีกด้วย
เซ็นเซอร์ Foveon “Quattro” ที่ดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เซ็นเซอร์ที่ให้รายละเอียดขั้นสุดยอดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่ผู้ใช้งานกล้องถ่ายภาพดิจิตอลจาก Sigma หลงไหลมาทุกวันนี้ (ผู้สอนก็เป็นคนหนึ่งในนั้น) แต่กว่าจะเป็นเซ็นเซอร์ที่ได้รับการพัฒนามาจนถึงปัจจุบันนั้นก็สร้างความไม่พอใจกับผู้ใช้ส่วนหนึ่งว่าทำไมจึงยอมลดความเป็นตัวเองลงโดยการลดจำนวนพิกเซลของชั้นฟิลเตอร์สีแดงและสีเขียวเหลือเพียง 1 ใน 4
Sigma ให้เหตุผลว่าการลดรายละเอียดส่วนของสีแดงและสีเขียวส่งผลกับคุณภาพไฟล์ภาพลงก็จริงแต่ไม่มากนัก เพราะชั้นบนสุดเก็บรายละเอียดและส่วนสีสว่างจำนวนมากของภาพอยู่แล้ว ผลดีที่ได้คือการประมวลผลที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้นและความร้อนที่ลดลง (ข้อหลังนี่เหมือนจะยังไม่ค่อยได้รับการแก้ไขเท่าไหร่เนื่องจากปัญหากล้องหยุดชะงักเพราะความร้อนยังมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง)
เซ็นเซอร์ Foveon ในเจเนอเรชัน Quattro (Quattro แปลว่า ‘4’)
ความเห็นส่วนตัวของผู้สอนจากที่ได้ลองใช้เซ็นเซอร์โฟวิยงเจเนอเรชั่น Quattro ใน Sigma DP Quattro เทียบกับ Sigma DP Merrill ก็รู้สึกว่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อจิตใจนัก เพราะยังไงก็ต้องเอามาลดรายละเอียดที่มากเกินไปให้น้อยลงอยู่ดี
Sigma SD Quattro มาพร้อมกับการบันทึกไฟล์เพิ่มเติมในรูปแบบ DNG
ทาง Sigma ได้มีการอัปเดตซอฟท์แวร์กล้องเพื่อให้กล้องถ่ายภาพดิจิตอลจาก Sigma ตั้งแต่ซีรี่ย์ DP Quattro ขึ้นไปสามารถบันทึกไฟล์ภาพให้อยู่ในนามสกุล DNG ได้ นามสกุลดังกล่าวนี้เป็นนามสกุลไฟล์ภาพดิบสากลที่นำไปเปิดในโปรแกรมตกแต่งแก้ไขไฟล์ภาพดิบใดๆก็ได้โดยไม่จำเป็นต้องให้โปรแกรมนั้นอัปเดตให้ทันสมัย เป็นประโยชน์ต่ออนาคตหากเกิดกรณีค่ายกล้องดังกล่าวไม่ได้พัฒนาอีกต่อไปจนทำให้โปรแกรมในอนาคตเลิกใส่ใจนามสกุลไฟล์ภาพดิบที่เป็นนามสกุลเอกลักษณ์
และข้อดีมักมากับข้อเสียเสมอ เนื่องจากว่าไฟล์ภาพดิบของกล้องถ่ายภาพดิจิตอล Sigma มีการบันทึกรายละเอียดที่มีความหนาแน่นสูง การที่จะแปลงข้อมูลดังกล่าวให้แสดงผลและแก้ไขได้บนโปรแกรมแปลงไฟล์ภาพดิบ (RAW Converter) อย่างเช่น Adobe Photoshop Lightroom จำเป็นต้องมีการจัดเรียงข้อมูลแบบใหม่ ทำให้ไฟล์ DNG เมื่อเทียบครั้งเมื่อยังเป็นนามสกุล X3F (นามสกุลไฟล์ภาพดิบจาก Sigma เดิม) มีขนาดใหญ่กว่าเดิมเกือบ 2 เท่า!
โหมดภาพถ่ายความละเอียดสูง (Super Fine Detail – SFD)
โหมดถ่ายภาพความละเอียดสูงเป็นโหมดพิเศษที่ Sigma มีอัปเดตเฟิร์มแวร์ย้อนหลังให้กับกล้องในซีรี่ย์ DP Quattro เพิ่มเติมด้วย กล้องจะทำการบันทึกภาพที่มีการเพิ่มของแสงสามลำดับ (+1EV, +2EV และ +3EV) อีกสามภาพ และลดแสงอีกสามภาพ (-1EV, -2EV และ -3EV) รวมเป็น 7 ภาพ จากนั้นจึงนำค่าแสงมารวมกันเป็นไฟล์ภาพเดียวในรูปแบบไฟล์ภาพดิบ .X3I ซึ่งขยายขีดจำกัดของการรับแสงจากปกติเป็นอย่างมาก ทั้งยังลดคลื่นสัญญาณรบกวนลงได้อย่างน่าประทับใจ
ถ้าถ่ายปกติ Sigma จะไม่สามารถเก็บรายละเอียดท้องฟ้าได้เนี้ยบขนาดนี้
Super Fine Detail Mode | f/8 | ISO100
Sigma SD Quattro + Sigma SD 18-35mm f/1.8 DC HSM Art