อัตราเฟรม (หรือ เฟรมเรท) มีถูกกำหนดการเรียกข้อมูลลักษณะนี้ว่า ‘เฟรมต่อวินาที’ ใช้อธิบายจำนวนของภาพนิ่งที่ถูกบันทึกอย่างต่อเนื่องในทุกๆ 1 วินาที
หากเรานำคลิปวิดีโอมาขยายดูในไทม์ไลน์ตลอด 1 วินาทีนั้น พบว่ามีภาพนิ่งจำนวนมากเรียงกันอยู่เรียกอัตราเฟรมของคลิปวิดีโอ ใน 1 วินาที เท่ากับจำนวนเฟรมที่มีอยู่นั่นเอง
หน่วย ‘เฟรมต่อวินาที’ ส่งผลต่อความลื่นไหลของภาพเคลื่อนไหว และยังส่งผลต่อการมองเห็นของมนุษย์ที่มีความไวต่อการกระพริบของภาพใน 1 วินาทีด้วย ซึ่งถ้าจำนวนเฟรมต่อวินาทีน้อยกว่าเราจะมองเห็นเป็นภาพกระพริบ
ในตัวเลือก Framerate ส่วนของการตั้งค่าที่สัญลักษณ์เฟือง มีสองตัวเลือกที่สามารถกำหนดได้คือ Capture FPS ซึ่งหมายถึงความเร็วเฟรมในการจับภาพ และ Playback FPS หมายถึงความเร็วเฟรมของตัวเล่น
ใน 1 โปรเจกต์นั้น อาจมีหลายซีนที่ต้องใช้ความเร็วเฟรมที่แตกต่างๆจึงขอให้อย่ายึดติดกับความเร็วว่าจะต้องคงที่เสมอไป เพราะถ้าหากตั้งค่าได้ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์แล้วผลลัพธ์แปลกๆอาจเกิดขึ้นได้ เช่น การเลือกใช้ความเร็วเฟรมที่สูงในซีนที่มีแสงต่ำ หรือมีหลอดไฟที่ความถี่ต่ำกว่าความเร็วเฟรม ทำให้หลอดไฟนั้นมีการกระพริบในซีน เป็นต้น
การตั้งค่าเสียงบันทึกในแอปพลิเคชัน FiLMiC Pro นั้นผู้ใช้งานสามารถกำหนดได้หลายรูปแบบจากตัวโทรศัพท์หรือแหล่งบันทึกเสียงภายนอก โดยที่อุปกรณ์ที่นำมาแสดงเป็นตัวอย่างคือ iPhone SE 2020 ซึ่งผู้เรียนสามารถนำไปปรับใช้ได้กับรูปแบบการนำเข้าเสียงตามอุปกรณ์ที่ใช้งาน
อัตราเฟรม (Frame Rate) คือ หน่วยจัดเก็บภาพเคลื่อนไหวของกล้องถ่ายภาพดิจิตอล ในรูปแบบจำนวนภาพต่อวินาที มีหน่วยเป็น เฟรมต่อวินาที (Frame per Second : FPS) ยิ่งค่านี้มีสูงขึ้นภาพเคลื่อนไหวยิ่งมีความต่อเนื่องนุ่มนวลมากขึ้น
ความละเอียดของภาพ หมายถึง จำนวนพิกเซลที่ใช้ในการเก็บข้อมูลที่มีอยู่ในขณะนั้น ยิ่งมีความละเอียดมากขึ้นก็มีจำนวนพิกเซลในภาพๆนั้นมากขึ้นจนดูละเอียดไม่มีรอยหยัก บทความนี้ทางผู้สองได้แสดงตัวอย่างเรื่องของความละเอียดและจำนวนพิกเซลที่ส่งผลกระทบต่อความหนาแน่นที่เกิดขึ้นเพื่อความเข้าใจง่ายให้กับผู้เรียนครับ
ร้านค้าออนไลน์ภายใต้ชื่อผู้ก่อตั้ง ‘Dozzo Flamenco’ ที่นี่จะมีผลิตภัณฑ์สื่อการสอนและเทรนนิ่งคลาสระดับคุณภาพเท่านั้น
ถ้าเพิ่มเกรนน้อยเกินไปภาพก็ดูเหมือนจะไม่มีความแตกต่าง แต่ถ้าใส่มากเกินไปภาพก็แข็งกระด้าง ดังนั้นควรมีเกรนในปริมาณเท่าใดในภาพจึงจะช่วยให้ภาพดูดีขึ้น และใช่ เรากำลังพูดถึงเกรนในมุมที่เกี่ยวข้องกับความคมชัดของภาพถ่ายครับ
เรื่องของคู่สีรายล้อมรอบตัวเราอยู่ตลอดเวลา และ ‘คู่สีตรงข้าม’ (Complementary Colors) ก็จัดว่าเป็นการเข้าคู่ที่รุนแรงและทรงพลังอย่างมาก หากจะหยิบมาเพื่อใช้งานต้องเรียนรู้และเข้าใจวิธีหลีกเลี่ยงผลลัพธ์เชิงลบบางประการจึงจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
