ศิลปะคือการสื่อสาร ภาพถ่ายจึงนับเป็นสื่อที่ใช้ในการแสดงถึงความหมายต่างๆที่ปรากฏในภาพ เราจึงต้องทำความเข้าใจและศึกษาเกี่ยวกับการถ่ายภาพเพื่อบอกเล่าเรื่องราว หากภาพถ่ายใดปราศจากสิ่งเหล่านี้เสียแล้ว ความสมบูรณ์อันเนื่องมาจากความลึกซึ้งที่มองไม่เห็นได้ด้วยตา จะทำให้ภาพถ่ายเป็นได้แค่ภาพธรรมดาๆภาพหนึ่งเท่านั้น
พลังจากการเล่าเรื่องในภาพถ่าย
ลองนึกถึงหาดทรายสีขาวสะอาดที่เบื้องหน้าคือคลื่นน้ำทะเลที่นุ่มนวลดุจแพรไหม
ไกลออกไปคือดวงอาทิตย์ที่ฉายแสงทองปกคลุมทั่วท้องฟ้า
ยังความรู้สึกอบอุ่นหัวใจแก่ผู้ที่ได้รับชม
เป็นสิ่งที่เกินกว่าการเห็นว่าภาพสวยเพียงอย่างเดียว
…แล้วอะไรคือสิ่งที่ทำให้ผู้กำลังรับชมภาพถ่ายเกิดการตีความแบบนั้น?
การถ่ายภาพในศาสตร์แขนงต่างๆ จำเป็นต้องสื่อสารด้วยสื่อที่สร้างขึ้นจากทักษะความชำนาญของช่างภาพเพื่อชี้นำหรือทำให้ผู้รับชมภาพเกิดปฏิกิริยาตามแผนที่วางไว้
ภาพนี้เป็นการเล่าเรื่องโดยใช้บุคคลเดียว (Single Person) สิ่งที่จะถ่ายทอดเรื่องราวจึงเป็นอารมณ์และท่าทางของตัวบุคคลโดยตรง
ความสำคัญแวดล้อมคือบรรยากาศและการใช้ทักษะเรื่องของสีในการทำภาพ อีกทั้งการคาดแถบดำก็ทำให้คนที่เคยชมภาพยนตร์
รู้สึกอีกด้วยว่ามันคือซีนหนึ่งในหนังหรือเปล่านะ
เช่น การถ่ายภาพอาหารเพื่อการโฆษณา จุดมุ่งหวังสูงสุดเพื่อให้ผู้ที่รับชมภาพรู้สึกอยากอาหารโดยการมองเห็นว่าภาพถ่ายนี้มีความน่ากินอย่างไร
หรือภาพถ่ายวิวทิวทัศน์ที่มีการใช้แสงให้เห็นความงามของสีสันรูปทรงหรือรายละเอียด หรือแม้แต่ภาพถ่ายบุคคลที่มักเกิดความเปรียบเปรยหรือคาดหวังของอารมณ์ในภาพในเชิงจิตวิทยาทางอารมณ์
การถ่ายภาพเพื่อเล่าเรื่องบางครั้งมีความสุ่มเสี่ยงต่อการถูกจับผิดว่าผู้บันทึกมีความจริงใจหรือไม่
ยกตัวอย่างเช่นภาพถ่ายดังกล่าวนี้น้อยคนที่จะดูไม่ออกว่าเซ็ตฉากเพื่อถ่าย ถึงเราจะรู้อยู่ว่ามันไม่ได้สำคัญขนาดนั้น
แต่ก็ห้ามคนอีกกลุ่มไม่ให้คิดไม่ได้อยู่ดี ดังนั้นควรทำอย่างเป็นธรรมชาติและระมัดระวังไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย
เรื่องราวหรือสิ่งที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากความสวยของภาพทำให้เกิดการจดจำ
เป็นสิ่งที่ฝังอยู่ในความรู้สึกของผู้ชมได้ยาวนานกว่าภาพถ่ายทั่วไป
หลักการสร้างเรื่องราวให้กับภาพถ่าย
เพลง 1 บทเพลงอาจมีความยาวประมาณ 3-7 นาที มีคำที่ปรากฏขึ้นจำนวนหลักร้อยหรือหลักพันคำ
นักประพันธ์มีเวลาเพียงเท่านั้นในการบอกเล่าเรื่องราวด้วยทักษะการใช้เสียงและอารมณ์
ภาพยนตร์ 1 เรื่องมีความยาว 90 นาที ความเร็วเฟรมต่อเนื่องแบบ 24 เฟรมต่อวินาทีเองก็สามารถถ่ายทำได้ราวๆ 129,600 เฟรม ผู้กำกับก็ต้องบอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้สมบูรณ์ด้วยภาพและเสียงภายใต้ข้อจำกัดนั้นเช่นกัน
เมื่อเทียบกับการถ่ายภาพเป็นเรื่องยากที่จะบอกทุกสิ่งให้ครบถ้วนภายในภาพๆเดียว
คิดดูแล้วกันว่าเราจะยัดเรื่องราวขนาด 129,600 เฟรมลงไปในภาพๆเดียวได้ยังไง
ความแตกต่างสำคัญของสื่อที่กล่าวมา เป็นเรื่องของ ‘เวลา’ ที่ทำให้หน้าที่ของแต่ละสื่อมีความแตกต่างกัน
ผู้กำกับมีเวลา 90 นาทีในการถ่ายทอดเรื่องราว..
นักร้องมีเวลา 3-7 นาทีในการบอกเล่าเรื่องราว..
…แต่ช่างภาพมีโอกาสเพียงครั้งเดียวในช่วงเวลาที่เกิดขึ้น
ไม่มีใครรู้ว่าพระสงฆ์องค์นี้กำลังเดินไปไหน แต่เรารู้ทิศทางของภาพและระบุได้ว่าในภาพเป็นใคร
รวมไปถึงสถานที่ๆเรียบง่ายไร้สิ่งดึงดูความสนใจ การถ่ายภาพให้เรียบง่ายเข้าไว้นั้นช่วยได้เยอะในการบีบบังคับ
เพื่อเล่าเรื่อง
การถ่ายภาพจึงเป็นการสร้างสื่อประเภทหยุดนิ่ง
ผู้รับชมภาพไม่อาจรับรู้ได้เลยว่าอะไรเกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์
หรือหลังจากเหตุการณ์ของภาพถ่ายนั้น
สิ่งนี้เองจึงช่วยให้ผู้รับชมภาพแต่ละคนได้คิดต่อ
ด้วยจินตนาการที่เป็นของตัวเอง
หลักการสร้างเรื่องราวให้กับภาพถ่ายจึงต้องมีโครงสร้างที่ชัดเจนโดยเริ่มจากการสร้างจุดสนใจของสายตา อาจจะอาศัยเทคนิคปลีกย่อยของการจัดองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นเส้นสาย, สีสัน, โครงสร้างที่ชี้นำเพื่อดึงความสนใจในทันที จากนั้นจึงอาศัยหลักดุลยภาพเพื่อลดความตรึงเครียดเฉพาะจุดให้เกิดความพอดีของภาพในขั้นตอนต่อไป
จงจำไว้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่ผู้รับชมภาพ 100% จะเข้าใจทั้งหมดเหมือนกันตามที่เราคาดหวัง
เพราะการตีความของคนแต่ละคนขึ้นอยู่กับความรู้และประสบการณ์ที่สั่งสมมาในความทรงจำตลอดช่วงชีวิตของพวกเขา
ถ้าไม่มีคนที่มีความเชื่อแบบตัวเลือกที่สองเกิดขึ้น
วิทยาการความก้าวหน้าในการพิสูจน์ความเป็นธรรมชาติก็คงไม่มาไกลขนาดนี้
ความสงสัยและทะเยอทะยานของมนุษย์เป็นเชื้อเพลิงสำคัญในการไขปัญหาต่างๆอย่างมาก
การศึกษาทางด้านจิตวิทยาเองก็จำเป็นสำหรับช่างภาพที่ต้องการความก้าวหน้าทุกคนเพราะความรู้ในส่วนนี้จะช่วยให้ควบคุมความรู้สึกสามัญส่วนใหญ่ของผู้คนได้ดีหรือยิงตรงไปยังเป้าหมายเฉพาะกลุ่มได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
เริ่มต้นอย่างไร?
การถ่ายภาพเป็นการสร้างสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเรื่องราว โดยไม่จำเป็นต้องอธิบายจุดเริ่มต้นหรือจุดจบ อาจจะไม่ต้องคำนึงถึงการเกริ่นนำหรือสภาพแวดล้อมตั้งต้นใดๆ ไม่ต้องวางไทม์ไลน์ให้กับเรื่องราวเพราะหน้าที่นี้การจัดองค์ประกอบจะสร้างความสมเหตุสมผลให้กับภาพได้เอง
หลักสูตรพิเศษแบบปกปิด “ศิลปะแห่งการจัดองค์ประกอบภาพถ่าย” (The Art of Composition) จาก DozzDIY
ได้กล่าวถึงวิธีการจำนวนมากที่ทำให้จุดสนใจของภาพมีความโดดเด่น
ลำดับขั้นตอนแรกของการถ่ายภาพแบบเล่าเรื่องผู้บันทึกภาพจะต้องมีความชัดเจนให้กับจุดสนใจลำดับที่ 1 ของภาพ (หรือประธานในภาพ) ด้วยการเน้นรายละเอียดจากทักษะต่างๆให้โดดเด่นมากที่สุดจนเป็นจุดที่ควรมองจุดแรกของภาพซึ่งเป็นจุดที่เรื่องราวจะเริ่มจากตรงนั้น
อากัปกิริยา
มีสิ่งที่เป็นรายละเอียดอยู่สองสามอย่างที่เราต้องทำความเข้าใจไม่ว่าจะถ่ายภาพแขนงใดก็ตามเนื่องจากว่ามันจะช่วยให้ภาพถ่ายมีความสนุกและน่าสนใจ
‘อากัปกิริยา’ ของสิ่งมีชีวิต คือสิ่งแรกที่มักได้ผลอยู่เสมอ
มันยากที่จะบอกว่าจุดเริ่มต้นและจุดจบของคอนเสิร์ตจะมีแต่ความสุขเหมือนใบหน้าของบุคคลในภาพหรือไม่
แต่ในชั่วขณะที่บันทึกภาพนี้ก็เป็นหลักฐานสำคัญว่าอะไรเคยเกิดขึ้นผ่านมาแล้ว และทุกคนรับรู้ได้เป็นอย่างดี
การถ่ายภาพที่มีบุคคลหรือสิ่งมีชีวิตเป็นตัวเล่าเรื่อง ท่าทางที่เป็นธรรมชาติจะสะท้อนถึงความคาดหวังและการคาดเดาจากผู้ชม จึงเป็นสิ่งที่ง่ายในการขับเคลื่อนอารมณ์ไปในทิศทางที่ผู้บันทึกภาพต้องการ
การถ่ายภาพเล่าเรื่องในลักษณะปลายเปิด
การเล่าเรื่องในลักษณะปลายเปิดนั้นมีความน่าสนใจเพราะทำให้ผู้รับชมภาพได้ใช้จินตนาการและมีการโต้ตอบกับภาพมากกว่าการยืนดูแล้วเข้าใจตามเฉยๆ
โดยส่วนใหญ่การถ่ายภาพเพื่อเล่าเรื่องในลักษณะปลายเปิดจะเป็นการเล่นกับความรู้สึกด้วยสิ่งที่เป็นนามธรรม เช่น ทิศทางที่นอกเหนือจากเฟรมภาพ ผู้ชมจะมีปฏิสัมพันธ์กับภาพว่าต่อไปจะเป็นอะไรแต่ก็อาจจะทำให้ผู้รับชมคนอื่นๆคิดไม่เหมือนกันได้ หรือการถ่ายภาพเพื่อทิ้งปริศนาไว้แบบสองแง่สองง่ามก็เป็นสิ่งที่พึงระวัง
ถึงเราจะรู้ว่าภาพนี้น่าจะถ่ายในป่า แต่ก็เป็นเพียงคำว่า ‘น่าจะ’ แถมเราไม่รู้เลยว่าคนในภาพเป็นใคร หรือทำอะไรที่ระบุได้ชัดกับไม้ไผ่
(ที่แน่ๆไม่ได้ตัดแน่นอน) ภาพลักษณะนี้ชวนให้ผู้รับชมได้บริหารสมองโดยการใช้ความคิดเพิ่มเติม
มีเทคนิคอย่างง่ายๆในการสร้างภาพถ่ายในลักษณะดังกล่าว คือให้สร้างสามเหลี่ยมขึ้นมา แล้วแทนความสัมพันธ์ของสิ่งสามสิ่ง ซึ่งได้แก่ ใคร > ทำอะไร > ที่ไหน > เมื่อไหร่ > อย่างไร อย่างใดอย่างหนึ่งลงไป แล้วตัดตัวแปร 1 ตัวออก ความสมบูรณ์ที่ขาดหายไปจะถูกแทนที่ด้วยจินตนาการของผู้รับชมภาพทันที
การถ่ายภาพเล่าเรื่องในลักษณะปลายปิด
ภาพถ่ายเล่าเรื่องลักษณะปลายปิดมีความบริบูรณ์ครบถ้วนในหนึ่งภาพ
สามารถบอกได้ทั้งหมดว่าภาพนั้นสื่อถึงอะไรหรือสื่อถึงใครและต้องการนำเสนออะไร ทั้งอารมณ์และสถานที่
สิ่งที่เป็นประธานของภาพนี้ไม่ใช่นักท่องเที่ยวแต่เป็นสถานที่ ซึ่งแวดล้อมด้วยผู้คนและบรรยากาศของแสงในช่วงเวลาบ่าย
มีป้ายบอกชัดว่าสถานที่นี้คืออะไร และผู้คนในภาพมีอิริยาบทอย่างไร เป็นภาพที่จบแล้วในตัวไม่มีอะไรให้คิดต่อไปอีก
การถ่ายภาพเพื่อบอกเล่าเรื่องราวแบบปลายปิดทางที่ดีที่สุดควร ‘ทำให้ง่ายเข้าไว้’ เพื่อการตีความของกลุ่มผู้ชมในวงกว้างจะได้ไม่คลาดเคลื่อนมาก เปรียบเสมือนกล่องที่ปิดทุกด้านด้วยผู้บันทึก มีทุกสิ่งในภาพๆเดียวจนผู้ชมไม่อาจใส่จินตนาการของตัวเองต่อไปได้แล้ว
ไม่มีความจริงเพียงหนึ่งเดียวในการถ่ายภาพ
ในบางครั้งคนอาจจะคิดหยดน้ำตาของคนในภาพอาจจะหมายถึงความโศกเศร้าเสียใจ และในอีกขณะหนึ่งมันก็เป็นอารมณ์ที่แสดงถึงความยินดีอย่างสุดซึ้ง อ้อมกอดของครอบครัวหนึ่งที่ยืนกอดชายหนุ่มหน้าบ้าน อาจจะหมายถึงการจากลาหรือการต้อนรับกลับมาก็ได้
ความจริงแล้วอาจจะไม่มีอะไรที่เราเข้าใจได้ถูกต้องจริงๆเลยสักอย่าง
ลองใช้ความหลากหลายของสิ่งที่เกิดขึ้นในภาพสร้างขึ้นมาไม่แน่ว่าความหลากหลายเหล่านี้อาจสื่อสารได้แตกต่างจากสิ่งที่พบในความเป็นจริง
คุณอาจจะกำลังคิดว่าผมกำลังใส่ฟิลเตอร์ หรือถอดฟิลเตอร์ใช่ไหมครับ
ความจริงแล้วไม่ว่าอย่างไรมันก็ผิดทั้งหมดนั่นล่ะ
เพราะผมแค่ลองฝึกหาช่องใส่ ที่จะระวังไม่ให้มันแตกจากการกดแรงๆแค่นั้นเอง
แล้วก็ไม่มีใครเข้าใจภาพๆนั้นได้เหมือนกันหมดทุกคนด้วย
ศาสตร์ทางศิลปะทุกแขนงนั้นเลือกคน
..และคนก็มีประสบการณ์ความทรงจำในชีวิตที่แตกต่างกัน
…ทั้งเชื้อชาติศาสนาวัฒนธรรมประเพณี
คนที่ไม่มีความรู้ในการถ่ายภาพอาจจะพอเข้าใจความรู้สึกในระดับชั้นสามัญสำนึกทั่วไปของอารมณ์ในภาพได้อย่างผิวเผิน เช่น รัก, เกลียด, โมโห, โศกเศร้า, ฯลฯ
ในขณะที่ผู้ที่พอมีความรู้ในการถ่ายภาพเมื่อมองเห็นภาพแล้วจะรู้สึกถึงการใช้ชั้นเชิงทางศิลปะและเข้าใจได้ลึกซึ้งยิ่งกว่า หรือภาพที่แสดงออกอย่างเฉพาะกับสังคมก็จะเข้าถึงได้กับคมบางกลุ่มเท่านั้น
ซึ่งคนที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ด้วยอาจจะไม่รู้สึกอะไร
ภาพถ่ายไม่ได้สื่อสารพูดคุยกับทุกคน แต่มันถูกสร้างมาเพื่อคนกลุ่มหนึ่งที่มีรสนิยมแบบเดียวกัน
ด้วยความละเอียดละออแบบเดียวกัน คล้ายกับมุกตลกฝรั่งที่คนไทยไม่เข้าใจ
หลักสูตรคุณภาพในรูปแบบคอร์สออนไลน์จาก DozzDIY
เพราะการเล่าเรื่องจะสมบูรณ์ได้นั้นต้องมาจากรากฐานความเข้าใจในศาสตร์ของการถ่ายภาพ
และความเข้าใจพื้นฐานเชิงจิตวิทยามนุษย์ที่ดี การเรียนรู้หลักการจัดองค์ประกอบด้วยหลักสูตรพิเศษสุดจาก DozzDIY
จึงถูกสร้างมาเพื่อพัฒนาทักษะการเล่าเรื่องของคุณให้แข็งแกร่งกว่าใคร
ดูหลักสูตรทั้งหมดของเราได้ที่ dozzdiy.com/หลักสูตรที่เปิดสอน
Basic Photography
แนะนำหลักสูตร
ราคา 1,490 บาท
(ติดต่อเพจเท่านั้น)
มือใหม่กลายเป็น ‘ช่างภาพ’ ในเวลาที่รวดเร็ว
The Art of Composition
แนะนำหลักสูตร
ราคา 3,790 บาท/ตลอดชีพ
(ติดต่อเพจเท่านั้น)
การจัดองค์ประกอบและหลักจิตวิทยามนุษย์
Color Theory in Digital Photography
คลิกเพื่อชมแนะนำหลักสูตร
ราคา 1,790 บาท/ตลอดชีพ
(ติดต่อเพจเท่านั้น)
หลักสูตรทฤษฎีสีในการถ่ายภาพดิจิตอล