สำหรับคนที่พิถีพิถันและค่อนข้างเกลียดคำว่า ‘พลาด’ ในงานของพวกเขา การจะถ่ายภาพเพื่อเอาใจใครสักคนเป็นเรื่องที่ต้องต้องทำการบ้านอย่างหนักพอสมควร ยิ่งผู้เรียนของ DozzDIY ที่จัดว่าอยู่ในกลุ่ม ‘พ่อบ้านใจกล้า’ ด้วยแล้ว การตัดสินใจให้แน่ชัดลงไปในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อิทธิพลมืดของภรรยาก็นับว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ตะขิดตะขวงใจอยู่ไม่น้อย
ขอแนะนำว่าสำหรับท่านที่ยังไม่มีภรรยาก็เอาไปปรับใช้กับแฟนท่านได้นะครับเพราะผู้สอนเองก็เปิดกว้างวิธีการเพื่อเอาตัวรอดมาให้ได้มากที่สุดในบทความนี้อยู่แล้ว
มีคนไม่เข้าใจมากมายเกี่ยวกับเนื้อหาที่ทาง DozzDIY นำเสนอ เช่นหลักสูตร ‘ศิลปะแห่งการจัดองค์ประกอบภาพถ่าย’ ว่าด้วยการถ่ายภาพเพื่อสร้างแรงดึงดูดระดับสูงให้กับภาพถ่าย (ซึ่งคนที่ไม่ศึกษาเลยกว่าจะมีพัฒนาการที่เกิดจากการถ่ายภาพไปวันๆโดยไม่คิดอะไรเลยคงยากอยู่)
ยกตัวอย่าง เช่น คำถามที่ว่า
‘ผมถ่ายภาพนางแบบโผล่แต่นิ้วเท้าได้ไหม’
‘ตัวไม่ต้องหลุดเข้ามาในเฟรมได้ไหม’
การวางเฟรมภาพแบบอิสระชน
…
หรือคำถามที่ว่า
‘ทำไมผมจะต้องวางนางแบบไว้ให้เกิดจุดสนใจ
วางตรงกลางมาตลอดชีวิตก็ดีอยู่แล้วนี่’
คำตอบก็คือ ‘ถ้าเอ็งไม่เรียน.. หรือมันไม่มีประโยชน์กับเอ็งเลย
ก็อย่าทำให้องค์ความรู้ที่เขาศึกษามาเสียดิวู้วว...’
(โมโหนิดๆ 55)
The Art of Composition
ติดต่อเรา
ดังนั้นการยกตัวอย่างการถ่ายภาพภรรยา..
…ของบรรดาพ่อบ้านที่มีกล้องถ่ายภาพ
..จึงเป็นตัวอย่างที่ง่ายที่สุด
และบีบคั้นอิสระภาพการใช้ชีวิตของผู้เรียน
..ที่กำลังประสบปัญหาจริงอยู่อย่างแน่นอนครับ..
…
คือการถ่ายภาพของเราในแต่ละวันนั้น..
..หากมองกันในแง่ของการนำภาพไปใช้แล้ว
ต้องบอกว่าบทบาทหน้าที่ปัจจุบันมีความสำคัญอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ถ้าผู้เรียนเป็นแค่คนรักการถ่ายภาพทั่วไปแล้วอยากถ่ายไว้ดูเอง
…จะตีลังกาถ่าย หรือไป Dubstep สักรอบ
…ก่อนกลับสร้างมุมพิลึกสุดอินดี้
ใช้สีตัดกันบนตัวอักษร
เช่น พื้นหลังสีเขียวตัวอักษรสีแดง…
…ก็ทำไปเถอะครับไม่มีใครว่าหรอก
การใช้สีอักษรพื้นหลังแบบอิสระชน สบายตาดีไหมจ๊ะ
แต่ถ้าลองรับงานขึ้นมา
…โดยที่ผู้เรียนไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรมาก่อน
..แบบหาเงินอ่ะ..
บอกเลยว่าถ้าไม่ใช่เบอร์หนึ่งของวงการ…
‘ความถูกใจของลูกค้า’
จะมาบีบให้หายใจหายคอไม่ออก
..อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยล่ะ
ถ่ายไปเขาไม่ชอบ
ไม่มีใครจ้าง… มานอนแห้งอยู่บ้าน..
…
พ่อบ้านที่ถ่ายภาพแล้วเรียนกับ DozzDIY เอง
…หลายท่านก็เคยถาม
ว่าการถ่ายภาพภรรยานั้นควรจะถ่ายอย่างไร
..หรือใช้เลนส์ตัวไหนตกแต่งแบบไหน
..ถ่ายตีลังกากลับหัวทิ่มดินได้ไหม
..หรือโผล่แต่หัวนิ้วเท้าเข้ามาในเฟรม
เหมือนความเห็นแบบย่อหน้าก่อนๆได้ไหม
ถ้าคิดว่าทำได้ แล้วภรรยาชอบ
ก็บายสวัสดีครับ
…
แต่ถ้าจะให้ตอบเอาสาระก็คือ
ต้องรู้จักความหมายของคำว่า ‘ความสวย’
..ของภรรยาคุณให้ได้ก่อนนะ
การเรียนรู้รสนิยมหรือทำการบ้านมาเป็นอย่างดี
…จะช่วยให้คุณอยู่เป็น…
ถ้าผู้เรียนพยายามในสิ่งที่จะทำให้ภรรยาถูกใจ
…มันต้องมีการลู่ลมไปตามกระแสบ้าง
เหมือนผู้เรียนเป็นเด็กมัธยมที่กำลังทำข้อสอบอัตนัย
…ให้กับครูท่านหนึ่งที่มีอีโก้สูงมาก
ผู้สอนก็จะถามว่า
‘จะตอบคำถามให้ถูกต้อง
หรือถูกใจครูท่านนี้’
..
เข้าใจถึงสัจธรรมเลยไหมครับ…
…
โลกนี้ขาวสุดๆหรือดำสุดๆไม่มีหรอก
มีแต่เทาๆ
ในประชาธิปไตย.. ก็มีเผด็จการซ่อนอยู่ได้
ในเผด็จการ.. ก็มีประชาธิปไตยซ่อนอยู่ได้
มันไม่มีอะไรเพียวๆหรอก
อย่าใสซื่อบริสุทธิ์ไปนัก
…
ติดคุกละไปเยี่ยมด้วยนะ (55)
เอาล่ะ.. เข้าเรื่องต่อ
…
ถ้าผู้เรียนตอบคำถามได้ถูกต้องแต่ดันไม่ถูกใจครูท่านนี้เลย
…มีความเป็นไปได้ว่าคะแนนจะไม่เต็ม
เผลอๆขัดใจ
ได้คะแนนน้อยเข้าไปอีก
..มันเป็นความจริงที่แสนเจ็บปวดแท้ๆเลยล่ะ..
ในขณะเดียวกัน…
การเอาความคิดของเราไปคิดแทนภรรยา…
…ว่าหลักการถ่ายภาพที่ร่ำเรียนมาว่าดีหนักหนาของเรา
…จะทำให้เธอถูกใจได้หรือ
แค่คิดก็ผิดมหันต์แล้วครับ
เผลอๆชะตาขาด
…
ความสวยความงามของเราที่ผ่านมาในแต่ละยุคก็ไม่เหมือนกัน
คล้ายๆกับเทรนด์แฟชั่น…
วันนี้เราอาจจะหลงรักผู้หญิงผิวขาว…
..ใครจะไปรับประกันล่ะว่าวันหน้ารสนิยมพวกนี้จะไม่เปลี่ยน
พวกเธอต้องการภาพที่เพอร์เฟกต์หรือภาพที่ตัวเธอเองนั้นดูดีกันแน่ ลองคิดดูดีๆนะครับ
ดังนั้นการจะถ่ายภาพให้พวกเธอถูกใจ…
…ผู้เรียนจะต้องสืบข้อมูลให้หมดว่าภรรยาชอบถ่ายภาพแบบไหน
…ชอบเซลฟี่มุมกดจนคางแหลมเป็นตัววีหรือไม่
ชอบผิวที่เนียนกว่าตัวจริงหรือไหม…
หรือภาพควรจะฟุ้งและสว่างแค่ไหน..
จากนั้นก็เอาข้อมูลทั้งหมดที่ได้
รวบรวมมาได้สรุปเป็นกระบวนการที่ต้องทำ
ตั้งแต่การเลือกใช้เลนส์ไปจนถึงการตกแต่งภาพ
ทั้งหมดนี้จะได้มาเป็นผลงาน
ที่เราอาจจะแหม่งๆกับมันเล็กน้อย
ไม่ต้องกังวล…
ขอแค่ภรรยาถูกใจก็พอแล้ว
จริงไหม…
…
ก็คุณถ่ายภาพให้ภรรยาถูกใจนี่!!
เข้าใจไหมเล่า
…
ศาสตร์ในการทำให้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งถูกใจภาพถ่ายของเรานั้น
…คือ ‘ศิลปะ’ ที่คนเรียนทุกคนจะต้องทราบ
มันเป็นเรื่องพื้นฐานที่ตอบคำถามได้เป็นอย่างดี…
…ว่าทำไมคนเรียนศิลปะเขาจึงมี EQ สูงกว่าคนไม่ได้เรียน
เพราะพวกเขาจะพบกับความจริงของโลก
…ได้ไวกว่าคนไม่เรียน
บางคนเข้าใจมัน…
ทำให้ทันเล่ห์เหลี่ยมของสังคมมากขึ้น
บางคนรับไม่ได้…
กลายเป็นศิลปินที่แปลกแยกจากสังคม
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
การยอมรับความเป็นจริงและการสื่อสารได้อย่างเหมาะสมตามบริบท
ก็ต้องใช้ศิลปะ
…
เอาเป็นว่า…
…ถ้าคุณยังโกหกภรรยาเพื่อเอาตัวรอดในแต่ละวัน
…ที่กลัวจะต้องทำอะไรไม่ถูกใจเธอขึ้นมา
…ผู้สอนก็ถือว่าคุณเป็นศิลปินคนหนึ่งแล้วล่ะนะ
มันก็ง่ายๆแค่นี้ล่ะครับ..