ฟิล์มเนกาทีฟ Kodak Portra ที่มีอยู่ในท้องตลาดจนถึงปัจจุบันนี้มีค่าความไวแสงให้เลือกใช้อยู่สามระดับ ได้แก่ ISO160, 400 และ 800 โดยที่อาจจะมีรหัสแยกออกมา คือ NC, และ VC โดยที่ NC จะหมายถึงสีที่ไม่ถูกบีบให้มีความเข้มมากเกินไปหรือสีเน้นความเป็นธรรมชาติ และ VC หมายถึงสีที่จัดจ้านกว่าแบบปกติ (ฟิล์ม Kodak มีข้อสังเกตเรื่องของสีไม่อิ่มตัวมากและคล้ำกว่าสีจริงพอสมควร)
3 กลุ่มความไวแสงที่มีให้ใช้สำหรับซีรี่ย์ Portra และมีขายในรูปแบบพรีเซ็ตสำหรับ Lightroom จาก DozzDIY ด้วย
Kodak Portra 160 : ให้ความอิ่มตัวของสีต่ำความเปรียบต่างไม่สูงมาก รายละเอียดสวยงามเป็นธรรมชาติ โดยรวมถือว่ากำลังดีสำหรับผู้ที่ต้องการฟิล์มที่ไม่ฉูดฉาดจัดจ้าน ส่วนของสีผิวทำได้เนียนละเอียด เกรนฟิล์มละเอียดมาก แต่ด้วยข้อจำกัดของความเป็นฟิล์มที่มีความไวแสงต่ำจึงเหมาะกับงานในสตูดิโอหรือต้องการความสมบูรณ์แบบหรือไม่ก็ต้องเป็นสภาพแสงที่ไม่เปลี่ยนแปลงง่ายๆ ควบคุมได้สะดวก
Kodak Portra 400 : ความเปรียบต่างของภาพอยู่ในระดับปานกลาง สีสันเข้มข้นมากขึ้นกว่า 160 รายละเอียดก็ยังคงดีอยู่เนื่องจากความเปรียบต่างของฟิล์มยังไม่สูงนัก มีความสะดวกในการใช้งานเข้ามาสำหรับการถ่ายในร่มเพิ่มเข้ามาและเพิ่มโอกาสใช้งานที่กว้างกว่า เป็นฟิล์มที่นิยมมากขึ้นเพราะใช้งานง่ายในทุกๆสภาพแสง
Kodak Portra 800 : ใช้งานง่ายที่สุดเพราะมีความไวแสงสูง แต่ก็ต้องยอมรับกับเกรนที่ละเอียดน้อยกว่า 160 และ 400 ความอิ่มตัวของสีฟิล์มก็ยังจัดอยู่ในระดับปานกลางแม้ว่าจะ ISO สูงขนาด 800 แล้ว ฟิล์มตัวนี้ยังมีความคมที่สังเกตได้ชัดกว่า 160 และ 400 อีกด้วย เหมาะกับการถ่ายในที่แสงน้อยเป็นหลัก
คุณสมบัติของเส้นเคิร์ฟในซีรี่ย์ Portra จากฟิล์ม Kodak
ที่มา : Kodak Araris
สิ่งที่มัดใจช่างภาพให้ฟิล์มดังกล่าวเป็นที่นิยมเสมอมาก็คือความเนียนละเอียดของสีผิวและเกรนในภาพที่เป็นระเบียบสวยงาม มีมิติของภาพที่ดีและให้คุณภาพสูงเมื่อเทียบกับฟิล์มหลายๆซี่รี่ย์ เช่น Kodak Color Plus, หรือ Kodak Gold ไม่ว่าจะเป็นการนำฟิล์มไปถ่ายกลางแจ้งหรือในร่ม, ความคมชัดของภาพที่ดี นอกจากนี้ยังสามารถนำไปถ่ายภาพอื่นๆได้ด้วย แต่ก็ต้องพิจารณากันไปในแต่ละระดับความไวแสงที่ใช้ด้วยเช่นกัน (เพราะการถ่ายภาพอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น ภาพภูมิทัศน์อาจไม่ใช่หน้าที่เฉพาะของฟิล์มซีรี่ย์นี้เพราะสีจะไม่จัดจ้านนะ)
ภาพจากฟิล์ม Kodak Portra 400 จากกล้อง Nikon F90X
ที่มา : Konstantin Surovov [Flick]
การตกแต่งภาพถ่ายดิจิตอลให้เหมือนฟิล์ม Kodak Portra จะต้องเริ่มจากการคัดภาพจำนวนมากที่บันทึกในสภาพแสงแบบเดียวกันและพอทราบข้อมูลว่าเป็นการตั้งค่าที่คล้ายๆกัน โดยการแยกออกเป็นรายชื่อแบบต่างๆ เช่น พุชเพิ่มหรือลด 1 สต็อป สีที่ได้ในภาพเป็นอย่างไร เช่น สีผิวจะเหลืองมากยิ่งขึ้นหรือออกเขียวๆ สีในส่วนเงาเป็นอย่างไร ด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของสีผิวและเกรนในแบบต่างๆจะต้องระวังไม่ให้เกิดการตกแต่งที่มากจนเกินพอดี อีกทั้งภาพต้นฉบับที่นำมาใช้กับการแต่งแบบฟิล์มที่ความไวแสงสูง อาจจะต้องเตรียมไฟล์มาให้เคลียร์ใสมากพอสมควรด้วย
ตัวอย่างการจำลองสเกลโดยถอดแบบจากภาพตัวอย่างฟิล์มให้เป็นเลขที่ลงตัวใน HSL ของโปรแกรม และการจำลองเส้นเคิร์ฟ ของฟิล์ม Kodak Portra 400 ซึ่งสังเกตได้ว่าคุณลสมบัติของฟิล์มนี้จะไม่ค่อยให้ผลเสียกับสีผิวในภาพเท่าไร
การออกแบบพรีเซ็ตของ DozzDIY จึงเว้นช่องว่างการตกแต่งให้กับผู้ใข้งานมากพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นความคมชัดที่ระบุได้ยากเพราะกล้องแต่ละคนที่ต่างกัน ค่าการรับแสงที่ตั้งเอาไว้แตกต่างกัน อีกทั้งปัจจุบันเรายังละเอาโปรไฟล์คาลิเบรตออกไปแล้ว เหลือแต่เอกลักษณ์ที่จำเป็นและมีความยืดหยุ่นสูงไว้ให้กับผู้ใช้งานเลือกปรับเท่านั้น แต่ก็ยังคงความเป็น Kodak Protra ที่น่าหลงไหลอยู่เช่นเดิม สำหรับท่านที่สนใจกรุณาติดต่อกับทางเพจหรือร้านค้าออนไลน์โดยตรงเท่านั้น
ภาพก่อนตกแต่ง
ภาพหลังตกแต่ง
ถึงปัจจุบัน ฟิล์ม Kodak Portra จะยังคงมีวางขายอยู่แต่ก็มีหลายตัวที่เลิกผลิตไปแล้ว (เช่น Portra 100T, 160NC, 400UC เป็นต้น) การทำให้มันมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งนับเป็นคุณค่าทางจิตใจที่ผู้ใช้งานฟิล์มทุกคนคงรู้สึกอย่างที่เรารู้สึก และตอนนี้ก็ได้กลายมาเป็นรูปแบบที่ DozzDIY ใช้งานโดยที่ยังคงความคลาสสิคเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลงครับ
ถ้าเพิ่มเกรนน้อยเกินไปภาพก็ดูเหมือนจะไม่มีความแตกต่าง แต่ถ้าใส่มากเกินไปภาพก็แข็งกระด้าง ดังนั้นควรมีเกรนในปริมาณเท่าใดในภาพจึงจะช่วยให้ภาพดูดีขึ้น และใช่ เรากำลังพูดถึงเกรนในมุมที่เกี่ยวข้องกับความคมชัดของภาพถ่ายครับ
สิ่งที่ได้จากการใช้เลนส์ทางยาวโฟกัสเดียวไปสักระยะจะส่งผลต่อช่างภาพมือใหม่เพื่อฝึกฝนความอดทนและทลายขีดจำกัดของเลนส์ตัวนั้นได้อย่างไร เราจะได้เจาะลึกถึงการเติบโตด้วยข้อจำกัดเหล่านี้กัน
อุปกรณ์รับชมภาพถ่ายไม่ว่าจะเป็นหน้าจอหรือกระดาษต่างก็มีคุณสมบัติในการถ่ายทอดสีสันรวมไปถึงจุดสว่างที่สุดไปยังจุดมืดที่สุดในภาพแตกต่างกัน การแสวงหาความถูกต้องที่สุดในการมองเห็นแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่หาความเป้นมาตรฐานได้ยาก แต่เราก็ยังพอรับรู้ได้ว่าอะไรคือขีดสุดของรายละเอียดที่กำลังปรากฏในขณะนั้นก่อนจะนำไปสู่อุปกรณืหรือแหล่งเผยแพร่อื่น ดังที่เรียกว่า จุดล้นของภาพ หรือ Clipping Point ใน Adobe Camera RAW นี้
ร้านค้าออนไลน์ภายใต้ชื่อผู้ก่อตั้ง ‘Dozzo Flamenco’ ที่นี่จะมีผลิตภัณฑ์สื่อการสอนและเทรนนิ่งคลาสระดับคุณภาพเท่านั้น
ถ้าเพิ่มเกรนน้อยเกินไปภาพก็ดูเหมือนจะไม่มีความแตกต่าง แต่ถ้าใส่มากเกินไปภาพก็แข็งกระด้าง ดังนั้นควรมีเกรนในปริมาณเท่าใดในภาพจึงจะช่วยให้ภาพดูดีขึ้น และใช่ เรากำลังพูดถึงเกรนในมุมที่เกี่ยวข้องกับความคมชัดของภาพถ่ายครับ
เรื่องของคู่สีรายล้อมรอบตัวเราอยู่ตลอดเวลา และ ‘คู่สีตรงข้าม’ (Complementary Colors) ก็จัดว่าเป็นการเข้าคู่ที่รุนแรงและทรงพลังอย่างมาก หากจะหยิบมาเพื่อใช้งานต้องเรียนรู้และเข้าใจวิธีหลีกเลี่ยงผลลัพธ์เชิงลบบางประการจึงจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
