ถ้าผู้เรียนไม่เคยเรียนศิลปะหรือหลักการจิตวิทยาเกี่ยวกับการเล่าเรื่องด้วยภาพมาก่อน ขอเปรียบเทียบให้เกิดความเข้าใจง่ายๆว่า สมมติว่าเราทุกคนกำลังกินอาหารจากร้านเดียวกันเมนูเดียวกัน ความคิดเห็นของคนแต่ละคนย่อมแตกต่างกันดังที่เรียกได้ว่าเป็น ‘ปัจเจก’ อันเกิดจากรสนิยมส่วนตัว ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้แล้วบรรทัดฐานของความอร่อยคงไม่สามารถตอบได้จนกระทั่งเกิดสิ่งที่เรียกว่า ‘ความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่’ ที่เป็นไปในแนวทางเดียวกัน เพื่อความอยู่รอดของทางร้านในการทำอาหารรสชาติที่ใครก็ทานได้ออกมา อาจจะไม่ใช่รสที่ทุกคนชื่นชอบมากที่สุดแต่ส่วนใหญ่ก็รู้สึกพอใจกับมัน สิ่งนั้นเรียกว่า ‘มาตรฐาน’ นั่นเองครับ
ถึงภาพนี้จะใช้สีเขียวเพียงสีเดียวทำให้เกิดความสงบ (ซึ่งเป็นสีที่มนุษย์รู้สึกดี) แต่น้ำหนักของภาพที่ค่อนไปทางดำทำให้เกิดความรู้สึกลึกลับและหวาดกลัว เพราะเราไม่รู้ว่าในความมืดนั้นมีอะไรอยู่หรือเปล่า โดยสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดของมนุษย์จะไม่ชอบความมืดอยู่แล้ว
อยู่ๆถ้ามีคนไม่รู้จักคุณมาก่อนเดินเข้ามาแล้วชกคุณสัก 1 หมัด น้อยคนมากที่จะไม่รู้สึกว่าเจ็บ ความเจ็บนี้เป็นอาการโดยสามัญของมนุษย์ ไม่ต้องมีใครมาสอนว่าต้องรู้สึกเจ็บ และไม่มีใครชอบความรู้สึกนี้อย่างแน่นอนถ้าจิตใจปกติ ดังนี้เองจึงเป็นหลักที่นำมาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานให้คนรู้สึกแบบนั้นแบบนี้ได้โดยเข้าใจไม่คลาดเคลื่อนกัน
มนุษย์เกิดมาพร้อมกับการถูกแวดล้อมโดยธรรมชาติฝังอยู่ในพันธุกรรม เรารู้สึกดีกับต้นไม้ใบหญ้า, น้ำ, ฟ้า, ป่า หรือภูเขา เราถูกขับเคลื่่อนด้วยสัญชาติการเอาชีวิตรอด เราสะสมอาหาร อยากได้รับความรักไปจนถึงการพัฒนาความชอบไม่ชอบ ดังนั้นเมื่อมีอะไรที่ผิดแผกออกไปจากปกติธรรมชาติเราทุกคนจะเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ค่อยปกติสักเท่าไหร่ เช่นการตกแต่งภาพสีผิวคนให้กลายเป็นสีม่วงแบบนั้นก็ไม่มีใครทำกันถูกต้องไหมครับ
สกินโทน คือ โทนของผิว มีความหมายออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ด้วยกันคือ ‘มิติของความสว่างผิว’ และ ‘มิติของสีผิว’ ในมิติของความสว่างสามารถมีได้หลายลักษณะ แต่ถ้าเป็นมิติของสีแล้วล่ะก็จะอยู่ในลำดับสเกลของสีวรรณะร้อนเป็นหลัก
หากพิจารณาตามวงล้อสี คือ แดง–ส้ม–เหลือง และอาจผิดแผกออกไปจากนี้ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าหรือความเพี้ยนของสีจากการคาลิเบรตสีกล้อง
โทนผิวมนุษย์จะอยู่ในกลุ่มสีร้อนไม่ว่าจะสว่างหรือมืดและมีหลายเฉดสี
สำหรับท่านที่เคยผ่านการบันทึกภาพด้วยกล้องฟิล์ม คงทราบอยู่แล้วว่าหัวข้อที่กล่าวถึงมานี้หมายความว่าอย่างไร แต่สำหรับคนที่ไม่ทราบมาก่อนพิจารณาจากภาพถ่ายที่เกิดจากฟิล์มของแต่ละค่ายและซีรี่ย์ต่างๆด้านล่างนี้ จะเห็นว่าภาพจากบางฟิล์มใช้กับภาพถ่ายบุคคลได้ดี แล้วก็จริงดังว่าเช่นกัน ตามหลักของการส่งผลต่อสกินโทนนั้นทำให้ฟิล์มได้รับความนิยมในงานใช้งานรูปแบบเฉพาะตามไปด้วย อาทิ ฟิล์มในซีรี่ย์ Portra จากค่าย Kodak ที่ให้โทนผิวสวยงามมีเอกลักษณ์ แต่ยังคงความเป็นธรรมชาติของสีผิว ซึ่งช่างภาพฟิล์มมักนำไปใช้ในการบันทึกภาพถ่ายเพื่อนำลงนิตยสารแฟชั่นกันอย่างแพร่หลาย
เพิ่มเติม : ฟิล์มที่แนะนำสำหรับการถ่ายภาพบุคคล เช่น ซี่รี่ย์ Portra จาก Kodak, ซีรี่ย์ FujiColor Pro จาก FujiFilm, ซีรี่ย์ Optima จาก Agfa เป็นต้น
ภาพถ่ายฟิล์ม Kodak Portra 160 สังเกตเห็นว่าสีผิวจะมีเฉดของสีแดงและชมพูซึ่งทำได้ดีและไม่ได้ผิดแผกไปจากความเป็นจริงมากนัก
(Source : Grenez [Flickr])
หลักในการตกแต่งค่าสีผิวหลักจากได้ตกแต่งโดยส่วนใหญ่ส่วนของสเกลไปแล้ว คือพาเนลเครื่องมือ HSL แนะนำให้ใช้ตัวลากจากภาพให้เกิดผลโดยตรงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการลากไปทีละสเกลด้วยตัวเองเพราะมีความเสี่ยงของอาหารสีล้นในภาพได้ นอกจากนี้การปรับสีสันของโทนภาพโดยส่วนใหญ่ยังเกิดขึ้นได้พร้อมๆกันกับค่าความสว่างมืดจากพาเนลเส้นเคิร์ฟ แต่จะยากสำหรับผู้ใช้งานระดับพื้นฐานเพราะต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับทฤษฎีสีไปพร้อมๆกับความรู้ด้านฮิสโตแกรมไปด้วย
มิติของสีปรับได้ในส่วนของ HSL ของทุกๆโปรแกรมตกแต่งภาพเลย
สรุปก็คือพรีเซ็ตที่ใช้กับภาพบุคคลที่ดีจะไม่ส่งผลกับสีที่เกี่ยวข้องกับผิวมากเพราะไม่เช่นนั้นสีผิวจะผิดออกไปจากความเป็นธรรมชาติทำให้เกิดความประหลาดจากเดิม ซึ่งตรงนี้ต่อให้แต่งภาพไม่เป็นก็ย่อมรู้สึกได้ เพราะเราทุกคนเคยชินกับสีผิวที่เห็นกันอยู่ทุกวัน