เราอาจคิดว่าการมองเห็นสิ่งต่างๆไม่ว่าจะเป็น ภูเขา, แม่น้ำ หรือท้องฟ้าในชีวิตประจำวันนั้นก็สวยงามมากอยู่แล้ว จนกระทั่งวันหนึ่งมีคนที่สามารถใช้เทคโนโลยีบอกได้ว่ามีสัตว์หลายชนิดที่มองโลกได้ไม่เหมือนกับเรา หรือมีอุปกรณ์ที่ทำได้มากกว่าหรือน้อยกว่านั้น ความไม่เท่าเทียมกันของอุปกรณ์ในการรับสารก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า ‘ค่ามาตรฐาน’ ของแต่ละสิ่งที่แตกต่างกันออกไป เพียงแค่นี้ก็เป็นประเด็นที่เพียงพอแล้วว่า สิ่งที่กล้องถ่ายภาพดิจิตอลเห็นก็ไม่มีทางเหมือนสิ่งที่เราเห็นด้วยเช่นกัน
ดวงตาของมนุษย์สามารถแยกความละเอียดจากจุดที่สว่างมากที่สุดในฉากไปสู่ส่วนที่มืดที่สุดในฉากได้ราวๆ 14-20 สต็อปแน่นอนว่าเป็นค่าเฉลี่ยโดยส่วนใหญ่ที่ไม่ได้นับเอาคนบอดสีหรือคนที่มีปัญหาทางด้านสายตาเข้าไปด้วย
แต่กล้องถ่ายภาพดิจิตอลโดยส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้สามารถแยกแยะได้อยู่ที่ประมาณ 10 สต็อป ถ้าหากว่ามีรายละเอียดที่สว่างหรือมืดกว่าความสามารถที่กล้องถ่ายภาพจะมองเห็นได้แล้วนั้น สิ่งดังกล่าวจะหลุดรายละเอียดจนสว่างจ้าหรือดำทึบไปในทันที
ถ้าการแยกแยะแสงทำได้ดี (สต็อปสูงกว่า) รายละเอียดจากส่วนที่มืดไปสว่าง
จะมีความสวยงามต่อเนื่องและมีความนุ่มนวล ไม่กระด้าง
แต่ถ้าช่วงรายละเอียดความสว่างแสงต่ำ (สต็อปต่ำกว่า) สีจะเข้ม
มีความเปรียบต่างสูงตกแต่งได้ยาก และดูกระด้างมากกว่า
การตกแต่งภาพถ่ายในภายหลังจากที่บันทึกภาพไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามจึงมีความจำเป็นสำหรับยุคของภาพที่บันทึกเป็นข้อมูลดิจิตอลแทบทั้งสิ้น
ปรากฏการณ์ที่เกิดดังกล่าวทำให้เวลาที่เราจะบันทึกภาพใดก็ต้องมีการวัดแสง เพื่อบอกให้กล้องรู้ว่าสิ่งที่กำลังจะบันทึกมีความสว่างอยู่ในระดับใด เพราะกล้องไม่รู้ว่าสิ่งที่บันทึกนั้นคืออะไรแม้แต่ค่าส่องสว่าง ทำได้แค่ทำให้สิ่งที่สว่างมากเกินไปลดลง หรือสิ่งที่มืดมากสว่างขึ้นตามที่โรงงานกำหนดมา เสี่ยงต่อการหลุดรายละเอียดอยู่ตลอดเวลา
เพราะการวัดแสงเป็นแบบนี้
การจะให้กล้องตัดสินอะไรถูกผิดจึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลย
นี่คือเหตุผลคร่าวๆ ที่ชี้ให้เห็นว่าการตกแต่งภาพถ่ายมีความจำเป็นขนาดไหน
เพราะเซ็นเซอร์รับภาพไม่เหมือนกับตามนุษย์
ทั้งในด้านของขนาดและรายละเอียดภาพที่ได้รับ รวมถึงการแยกแยะช่วงของส่วนมืดไปยังส่วนสว่างที่แคบกว่าตามนุษย์มาก ยังไม่รวมถึงปัญหาของแสงที่อาจเกิดขึ้นจากจุดสี่เหลี่ยมเล็กๆในเซ็นเซอร์รับภาพที่ต้องมาตามแก้ไขกันให้ถูกต้องอีก
เพราะซอฟท์แวร์อัตโนมัติในกล้องไม่ได้ฉลาดจริงๆ
ซอฟท์แวร์เป็นแค่เครื่องมือให้เราระบุว่า กล้องควรทำอะไรและควรทำอย่างไรกับภาพที่กำลังจะบันทึก เช่นระบุว่าตอนนี้กำลังถ่ายคนก็ให้ใช้โหมดภาพบุคคล หรือถ่ายวิวก็ใช้โหมดสีจัดๆ การให้สิ่งที่มีในกล้องจัดการทั้งหมดนั้นก็เหมือนจำกัดความสามารถที่ควรจะไปได้อีกมากให้หยุดไว้เพียงเท่านี้ ซึ่งเสียโอกาสและคุณภาพที่เซ็นเซอร์รับภาพทำได้ไปอย่างน่าเสียดาย
จะตกแต่งด้วยคอมหรือมือถือ การตกแต่งภาพก็ทำให้คุณเป็นผู้เลือกไม่ใช่ผู้ถูกเลือก
เพราะการทำให้ภาพถ่ายเหมือนตาเห็นต้องมีการแก้ช่วงของแสง
ถ้ากล้องถ่ายมามีรายละเอียดตกส่วนมืดเยอะ มีซอฟท์แวร์ที่ช่วยแก้ปัญหาตรงนี้และก็ง่ายมาก เช่น Adobe Photoshop CC, Adobe Lightroom Classic CC, Capture One Pro, Phocus, Iridient Developer, etc. เพียงแค่ทำไม่กี่ขั้นตอนเราก็จะได้รายละเอียดกลับคืนมาทันที
เพราะภาพถ่ายทั่วๆไป เติมเต็มจินตนาการได้ไม่เต็มที่
ความต้องการของมนุษย์นั้นมากมายไม่สิ้นสุด เราคงไม่เอาบรรทัดฐานของตัวเองไปเทียบกับคนอีกล้านๆคนที่มีความต้องการที่แตกต่างกันในการถ่ายภาพ มันคงไม่แปลกถ้ามีคนคิดอยากตัดนู่นต่อนี่ในภาพ หรือทำสีสันให้แปลกตาจากการมองเห็นปกติทั่วไป อะไรก็ได้ที่ช่วยให้การเล่าเรื่องของพวกเขามีสีสันจากทักษะความสามารถ ความพยายามเหล่านี้ล้วนเป็นศิลปะในการเล่าเรื่องด้วยภาพถ่ายทั้งนั้น
สีสันเป็นตัวกำหนดอารมณ์ของภาพได้อย่างดี ถ้าไม่แต่งภาพก็หมดโอกาสนี้ไปเลย
หลักสูตรคุณภาพในรูปแบบคอร์สออนไลน์จาก DozzDIY
ดูหลักสูตรทั้งหมดของเราได้ที่ dozzdiy.com/หลักสูตรที่เปิดสอน
LR Classic CC : Reverse-Learning
(ราคาหลักสูตร 2,490 บาท)
เรียนรู้ Lightroom ขั้นพื้นฐานด้วยกระบวนการย้อนกลับ
LR Classic CC : Master Class
(ราคาหลักสูตร 3,490 บาท)
หลักสูตร Lightroom CC ภาคต่อเนื่องและหลักสูตรประยุกต์
ถ้าเราเข้าใจข้อจำกัดของการมีอยู่ในสิ่งต่างๆบนโลก เราจะเรียนรู้และปรับแก้รวมไปถึงมองเห็นหนทางแห่งการพัฒนาได้อีกมากมาย ความรู้เพียงผิวเผินของเราทำให้เกิดอัตตาจนไปตัดสินคนอื่นที่ไม่เหมือนกับตัวเอง จงมองโลกให้กว้าง ยังมีคนที่มีความคิดกว้างไกลและพยายามก้าวหน้าอยู่ทุกวัน เปิดใจให้กับการตกแต่งภาพและคุณจะพบกว่ามันเป็นเรื่องที่สนุก ขอแค่มีทัศนคติที่ดีกับเรื่องเหล่านี้ก่อนเท่านั้น