ฮิสโตแกรมบ่งบอกพฤติกรรมของภาพต้นฉบับอย่างแท้จริง มันสามารถบอกได้ว่าบรรยากาศของแสงและปริมาณเม็ดสีในภาพเป็นอย่างไรและสามารถคาดคะเนได้ว่าการตกแต่งในระดับใดที่ดีเพียงพอกับภาพเหล่านั้น คนที่อ่านฮิสโตแกรมอย่างเข้าใจจะทราบว่าเมื่อใดที่ไม่สามารถแต่งต่อไปได้อีก เช่น การเร่งค่าสีจนถึงจุดล้น, ค่าความสว่างมืดที่มากหรือน้อยเกินไป หรือ คอนทราสต์ของภาพที่แสดงอารมณ์บางเบาหรือหนัก
ฮิสโตแกรมสามารถบอกได้ว่าภาพนั้นเป็นอย่างไร สว่างหรือมืดพอแล้ว หรือเกิดจากการผสมของสีในส่วนต่างๆอย่างไร
ภาพต้นฉบับแบบต่างๆที่จะนำมากล่าวถึงนั้น เราขอแบ่งออกเป็น 5 ประเภทหลัก ได้แก่ ภาพที่มีความสว่างในระดับกลาง (Soft Light), ภาพติดสว่าง (OverExposure), ภาพติดมืด (UnderExposure), ภาพความเปรียบต่างต่ำ (Low Contrast) และ ภาพความเปรียบต่างสูง (High Contrast)
ภาพที่มีความสว่างในระดับกลาง มักจะเป็นภาพในร่มและมีสภาพแสงที่ไม่แรง อาจจะเป็นแสงจากข้างหน้าต่างหรือกลางแจ้งที่ความเข้มแสงต่ำ (สังเกตได้จากเงาที่เท้าจะไม่ปรากฏ) ภาพที่ได้จะมีความนุ่มนวลและพร้อมนำไปตกแต่งได้ทุกแบบเนื่องจากมีรายละเอียดครบถ้วนและค่อนข้างอยู่ในเกณฑ์อุดมคติของไฟล์ภาพดิจิตอลเพื่อการตกแต่ง
แสงนุ่มๆที่ให้โทนภาพสวยงาม สีสันอาจจะไม่เข้มมากแต่ก็ไม่มีจุดขาวสุดหรือดำสุดในภาพเลย
ภาพติดสว่างจะมีรายละเอียดบางส่วนที่หลุดหายไปในด้านขวาของฮิสโตแกรม อนุมานได้ว่าส่วนที่หลุดไปคือแสงที่ไม่สามารถกู้กลับมาได้แล้วเช่น หลอดไฟ, ดวงอาทิตย์ หรือสีขาวปลอด เป็นต้น การถ่ายภาพในลักษณะดังกล่าวมักเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สถานการณ์แสงมีความสว่างสูง เช่นชายทะเลในเวลากลางวัน หรือการสะท้อนแสงจ้าจากกระจกใส การกู้รายละเอียดคืนด้วยกระบวนการทางดิจิตอลมีโอกาสประสบความสำเร็จค่อนข้างน้อย
อาจจะไม่จำเป็นต้องขาวขนาดนี้แต่สว่างสดใสมากๆก็นับเป็นภาพติดสว่าง (Exposure Value ชดเชยบวกสูงๆ)
ภาพติดมืดมักเป็นภาพที่ถ่ายในเวลากลางคืนหรือมีวัตถุที่มีสีที่ให้มิติความสว่างที่ต่ำกว่าปรากฏอยู่ อาจจะต้องพิจารณาจากความจำเป็นในการกู้รายละเอียดส่วนมืดให้ปรากฏเมื่อเข้าสู่การตกแต่งด้วยว่าจำเป็นมากน้อยเพียงใด เช่น การถ่ายภาพในเวลากลางคืนที่ไม่มีเหตุผลในการกู้ความสว่างในส่วนเงาของภาพอยู่แล้ว ดังนั้นการตกแต่งภาพถ่ายจึงต้องระมัดระวังการทำให้ภาพมืดลงไปอีก อย่างไรก็ดี การถ่ายภาพให้ติดมืดสามารถกู้รายละเอียดคืนได้มากกว่าการถ่ายภาพติดสว่างด้วยเหตุผลเนื่องจากรายละเอียดที่ถูกบันทึกมีมากกว่าการถ่ายให้ส่วนนั้นสว่าง และปรับปรุงแก้ไขได้สะดวกกว่านั่นเอง
ภาพถ่ายติดมืดอาจไม่จำเป็นต้องดำสนิทแต่พื้นที่ส่วนมากในฮิสโตแกรมอยู่ในส่วนเงานับจากส่วนกลางลงมา
ภาพถ่ายความเปรียบต่างต่ำคือภาพถ่ายที่มีสิ่งต่างๆในภาพในระดับความสว่างที่ใกล้เคียงกันมากๆ (ทดสอบได้โดยเมื่อแปลงภาพเหล่านั้นให้เป็นขาวดำจะชัดเจน) ภาพดังกล่าวมีความยืดหยุ่นสูงในการแก้ไขภาพคล้ายๆกับภาพประเภทที่หนึ่ง
ภาพสีอาจจะดูว่าแตกต่างขนาดสังเกตได้ ให้ลองแปลงเป็นขาวดำจึงจะทราบว่าภาพบางเบามากๆ
ภาพความเปรียบต่างสูงเปรียบเสมือนภาพที่ถูกลดความยืดหยุ่นด้วยการยืดไฟล์แล้ว การตกแต่งจึงทำได้น้อยกว่าภาพความเปรียบต่างต่ำ อันที่จริงภาพประเภทที่ 4 และ 5 ก็จะอยู่ใน 3 ประเภทแรกเพียงแต่เรากำลังกล่าวถึงการแยกเกณฑ์ภาพโดยใช้ความเปรียบต่างเป็นตัวแบ่งเท่านั้นเอง
ภาพความเปรียบต่างสูงให้สีสันที่จัดจ้านและแยกแยะสิ่งต่างๆได้อย่างละเอียด แต่ก็เอาไปแต่งต่อได้ลำบากพอสมควร
แนวทางภาพต้นฉบับที่พร้อมสำหรับการตกแต่งในเบื้องต้นอาจจะดูเหมือนว่าสีค่อนข้างซีดและไม่สว่างหรือมืดไปทางใดทางหนึ่งก็ไม่ต้องตกใจ เพราะข้อมูลจำนวนมากที่ซ่อนอยู่ในภาพแบบนั้นดึงให้ยืดออกไปได้อีกมหาศาล ตรงกันข้ามกับภาพที่บันทึกมาให้สวยงามเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องเลือกเอาว่าจะตกแต่งต่อได้น้อยหรือทำอะไรเพิ่มอีกไหม มันจึงเป็นหลักการที่สำคัญในการตกแต่ง หรือพิจารณาว่าการตกแต่งภาพประเภทใดมีความยืดหยุ่นสูงหรือต่ำต่อไป