เพื่อการศึกษาที่ครอบคลุม สิ่งที่แรกสุดของการเรียนก็คือระบบสีนี้คืออะไร มีการแยกรายละเอียดในแต่ละส่วนอย่างไร หรือจำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานในด้านใดมาก่อนบ้างเพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ เพราะ L*a*b รูปแบบที่เกิดจากการผสมระหว่างมิติของส่วนสว่างที่แยกออกมาเป็น 1 แกน และผลต่างของระบบแสงสี a และ b อีก 2 แกน ถ้าไม่เข้าใจโลกความตรงข้ามของแสงสีเลยก็จะลำบากได้ครับ
ขอบเขตการแสดงผลสีแบบ CIELAB หรือที่รู้จักในชื่อของ (CIE L*a*b เรียกง่ายๆว่า ‘แล็บ’ ก็ได้) ถูกกำหนดและอธิบายโดยองค์กรสากล International Commission on Illumination ในปี ค.ศ. 1976 ขอบเขตการแสดงผลสีในรูปแบบดังกล่าวนี้แตกต่างไปจากการแสดงผลในรูปแบบ RGB ที่คุ้นเคย ตรงที่แยกส่วนสว่างกับสีออกจากกันไปเลย ทำให้เวลาแก้ไขสามารถเจาะจงเป็นอย่างๆได้ ทำให้เราเพิ่มหรือลดความสว่างของภาพโดยไม่ทำให้สีเปลี่ยนแปลงไปด้วย หรือเพิ่มลดความอิ่มตัวของภาพโดยไม่ส่งผลต่อความสว่างของภาพไปด้วย
CIELAB มุมมองจากด้านบน
โดย Holger kkk Everding – Own work, CC BY-SA 4.0, https://commons.wikimedia.org/w/index.php?curid=38366968
เริ่มต้นด้วยการกำหนดแกน 2 แกน เหมือนการกำหนดค่าสมดุลแสงขาว โดยที่ให้แกน a เป็นแกนนอนแบบผลต่างของ เขียว – ม่วงแดง และ แกน b เป็นแกนตั้งแบบผลต่างของ น้ำเงิน – เหลือง ซึ่งการเพิ่มขึ้นทั้งสองแกนจะได้สีแดง และถ้าลดลงทั้งสองแกนจะได้สีฟ้า
จากนั้นให้สร้างแกนมิติที่ 3 ขึ้นมาซึ่งเป็นแกนของความสว่างตัดผ่านแกนนอนและแกนตั้ง เรียกว่าแกน L หรือ Light จะทำให้เราอธิบายความเป็นไปของขอบเขตรูปแบบการแสดงผลสีแบบนี้ได้อย่างเห็นภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้วสีที่ผลิตได้ในแต่ละช่วงความสว่างยังมีความไม่เท่ากันเมื่อเทียบกับอุดมคติ
การเพิ่มลดผลสว่างของภาพ : ทำได้โดยการเลือกเครื่องมือการตกแต่งภาพอย่างเส้นเคิร์ฟแล้วเลือกแชนเนล L เพียงเท่านี้การแก้ไขปรับแต่งใดๆจากเครื่องมือก็จะไม่ส่งผลต่อสีใดๆเลยในภาพถ่าย
การเพิ่มลดความอิ่มตัวของภาพ : ทำได้โดยการเลือกเครื่องมือการตกแต่งภาพอย่างเส้นเคิร์ฟแล้วเลือกแชนเนล a หรือ b หรือทั้งสองอย่าง เพียงเท่านี้การแก้ไขปรับแต่งใดๆจากเครื่องมือก็จะไม่ส่งผลต่อส่วนสว่างใดๆเลยในภาพถ่าย
ปรับคมโดยไม่ส่งผลต่อส่วนมืดในภาพ : ไปที่พาเนล Channel เลือก L แล้วกลับเข้าสู่โหมด Lab Channel จากนั้นเอาส่วนที่เลือกมาปรับคมด้วยฟิลเตอร์ปรับคมแบบใดก็ได้ ผลลัพธ์จะมีประสิทธิภาพสูงกว่าการเลือกเครื่องมือโดยไม่จำกัดพื้นที่อย่างมาก
ระบบสี L*a*b จึงเป็นระบบสีที่มีประโยชน์อย่างมากในการปรับแต่งภาพถ่าย อาจจะสับสนในแง่ของการเรียนรู้ช่วงแรก แต่ถ้าผ่านไปได้แล้วล่ะก็นี่คือก้าวสำคัญในความก้าวหน้าของการตกแต่งภาพถ่ายทีเดียวครับ