คุยกับพนักงานในร้านพอทราบว่ากิติพานิชนั้นอยู่ตรงนี้มายาวนาน เคยเป็นทั้งห้างสรรพสินค้า, คลีนิค หรือ ร้านหนังสือ จนปิดตัวครั้งสุดท้ายไปนานและกลับมาอีกครั้งในร้านอาหารแบบ Fine Dining
สังเกตว่ามีจั่วสองชั้นและเป็นคฤหาสน์แบบสถาปัตยกรรมลูกผสม
อาหารที่กิติพานิชเป็นการนำเสนอในแบบล้านนาร่วมสมัย รูปลักษณ์ดูงดงามน่าลิ้มลองมากขึ้น อย่างที่รับประทานในวันนั้นคือข้าวซอยไก่ที่มีความน่าสนใจในซอสเครื่องแกงข้าวซอยข้นราดลงบนเครื่องข้าวซอยและไก่เนื้อส่วนน่องและสะโพก แยกน้ำซุปเอาไว้เผื่อที่ผู้รับประทานได้ลองแบบเข้มข้นแล้วอยากทำให้กลับเป็นซุปข้าวซอยแบบเดิม
กรอบรูปที่ติดอยู่ที่ผนังบอกเล่าเรื่องราวของสถานที่
อีกเมนูที่ได้ลองรับประทานคือลาบคั่วไก่ที่มีความจะแจ้งในความเป็นลาบเมืองที่เสิร์ฟออกมาได้อย่างดูดี รสชาติอร่อยสมเป็นลาบคั่วไก่ที่คุ้นชิน หอมติดจมูกเวลาเคี้ยวในปากมีหนังไก่กรอบและหอมเจียวที่ทำให้กินได้เพลินมากขึ้น ผักแนมกับลาบอย่างผักแพวที่ขมนิดๆก็เข้ากันได้อย่างดี
ข้าวซอยไก่น้ำข้น (Northern-Style Noodle with Chicken in Thick Curry Sauce)
ลาบไก่คั่ว (Northern-Style Minced Chicken Spicy Salad)
สุดท้ายเป็น ‘เนื้อลุง’ ที่ถ้าใครนึกไม่ออกจะบอกให้ว่าฟีลคล้ายไส้อั่วในเวอร์ชั่นของลูกชิ้นอยู่หน่อยๆ ดังนั้นเครื่องเทศที่ใช้ทำจึงคงพอเดากันได้ว่าน่าจะมี ข่า–ตะไคร้–หอมแดง (ในภาพเห็นมะเขือเทศเป็นส่วนผสมด้วย) มาพร้อมกับซุปขลุกขลิกทานกับน้ำจิ้ม
เนื้อลุงราดซอสงา (Traditional ‘Tai-Yai’ Style Seasoning Minced Pork in Clear Soup Serve with Sesame Sauce)
ระหว่างช่วงรออาหารพนักงานก็พาไปดูบริเวณต่างๆของตึกพร้อมกับอธิบายประวัติคร่าวๆให้ฟัง มีโอกาสขึ้นชั้นสองเป็นห้องโถง ที่น่าสนใจคือสลักไม้แบบไม่มีตัวยึดและทุกอย่างยังคงเป็นเวอร์ชั่นออริจินอลไม้สักที่สมบูรณ์แบบมากจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นของเดิม เป็นภูมิปัญญาช่างที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว
โค้มระย้าสีแดงที่ชั้นสองซึ่งเป็นห้องโถงไม้สัก
สิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้จากสถานที่เหล่านี้คือฝีมือจากช่างสมัยก่อนที่ถูกทำให้ดีขึ้นด้วยช่างสมัยใหม่ มีการพยายามรักษาสิ่งต่างๆเอาไว้ให้ได้มากที่สุด ถ้าให้เดาคนที่เคยผ่านไปมาหรืออาศัยอยู่และผูกพันธ์กับตึกแห่งนี้จะต้องอยากรู้มากแน่ๆว่ามีอะไรอยู่ข้างในช่วงที่ตึกปิดตัวลงไป
การตกแต่งร้านยังคงความเป็นสิ่งเดิมๆของกิติพานิชแบบเก่าเอาไว้
ถามว่ารู้สึกอย่างไรที่มากิติพานิช? ผมว่าการรับประทานอาหารในมุมของบางคนมันคือความจำเป็น กับอีกบางคนมันคือความต้องการ อยู่ที่ว่าจะมองกันแบบไหนมากกว่า ด้วยลักษณะส่วนตัวผมชอบเที่ยวไปด้วยวัฒนธรรมการกิน ไม่ค่อยขึ้นเขาลงห้วย การได้ศึกษาจากมื้ออาหารมันก็คุ้มอยู่ไม่น้อย
ถ้าเปรียบกับการไปเที่ยว การมากิติพานิชคล้ายกับกับนั่งไทม์แมชชีนย้อนไปในอดีต มันเป็นสุนทรียะทั้งการมองเห็นและได้ลิ้มรส เราได้ใช้ทั้งความเป็นรูปธรรมกับสิ่งที่จับต้องได้ และได้ใช้จินตนาการในการจังความรู้สึกแบบต่างๆที่ตึกนี้มอบให้
ในฐานะคนที่สอนถ่ายภาพ ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากการบันทึกภาพในตึกและภาพอาหารเหล่านี้ไว้ในเงื่อนไขที่จำกัดตอนนั้น แล้วนำไปเก็บไว้ในแกลเลอรีสาธารณะของตัวเอง ถึงผมจะไม่ใช่คนที่นี่และไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมเมืองมากนัก แต่มันก็สะท้อนให้เห็นถึงองค์ประกอบต่างๆของเมืองๆนี้มากขึ้น เรารู้ว่าเมืองๆนี้กว่าจะมาเป็นภาพรวมประกอบด้วยตึกนี้นะ แล้วมันเกินเลยไปจากการถามว่าตึกนี้สวยไหม หรือสวยยังไง
การเพิ่มเติมสิ่งใหม่เข้าไปตกแต่งของร้านกิติพานิชในตอนนี้นั้นกลมกลืนกันระหว่างสิ่งเก่าและสิ่งใหม่ได้เป็นอย่างดี
ร้านอาหารหรือคาเฟ่ในทุกวันนี้คาบเกี่ยวระหว่างเก่าและใหม่ การก้าวไปบนเส้นทางใหม่ที่เป็นตัวของตัวเองอาจจะดี รักษารูปแบบขนบเดิมๆไว้อย่างเคร่งครัดก็ดี หรือผสานกลมกลืนกับสิ่งเก่าก็ดี
กิติพานิช เป็นลมหายใจแห่งยุคที่ยังคงยืนหยัดอยู่บนถนนท่าแพ ตึกนี้ถูกเติมเต็มด้วยการเป็นร้านอาหารเมืองร่วมสมัยที่ไม่ควรพลาด
เพิ่มเติม : รับชมแกลเลอรีของผู้สอนจาก DozzDIY ขนาดใหญ่แบบไม่ลดรายละเอียดภาพได้ [ที่นี่]