สำหรับผู้ใช้งาน Photoshop CC ในระดับเบื้องต้นนั้นการทำความเข้าใจของสเกลต่างๆดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากพวกเขาจึงเลือกเชื่อใจการปรับคมแบบ Unsharp Mask ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ดีในระดับหนึ่ง และหลีกเลี่ยง Smart Sharpen เพราะใช้งานยากไปหน่อย บทความนี้ผู้สอนจะเปรียบเทียบความสามารถของทั้งสองฟิลเตอร์ให้วิเคราะห์และเลือกใช้กันครับ
ความเข้าใจคร่าวๆเกี่ยวกับการปรับคมสำหรับคนไม่เคยเรียนกับ DozzDIY
ภาพถ่ายหลายล้านใบต่อวินาทีบนโลกที่เกิดขึ้นต่างสถานที่ต่างเวลาต่างอุปกรณ์และต่างการตั้งค่า ความคมชัดที่เกิดขึ้นบนเนื้อไฟล์จึงต้องได้รับความจำเป็นในการปรับคมที่แตกต่างกัน เท่านั้นยังไม่พอ บริเวณของพื้นที่ซึ่งจะต้องได้รับการปรับคมของแต่ละภาพตามวัตถุประสงค์ที่แท้จริงยังมีความแตกต่างกันไปตามประเภทของภาพอีก ยกตัวอย่างเช่นภาพถ่ายชัดตื้นที่ต้องการความคมของวัตถุที่โฟกัสมากกว่าสิ่งใด
การปรับความคมชัดให้ถูกต้องแม่นยำและมีประสิทธิภาพสูงสุดจึงเกิดได้จากผู้ที่มีความเข้าใจไฟล์ดิจิตอล เราเองต่างก็เสาะหาวิธีการที่ดีที่สุดเพื่อจะได้ภาพที่คมชัดตามต้องการ และวิธีที่ได้เรียนไปแล้วในหลักสูตร Photoshop CC for Photographer หลายร้อยตอนจนมาถึงหมวดที่ 4 นั่นคือฟิลเตอร์ Unsharp Mask และ Smart Sharpen นั่นเอง
เมื่อไม่ปรับคม การไล่สีของพื้นหลังกับตัวหนังสือจะยังดูกลมกลืนกันอยู่
ภาพหลังจากปรับคมแล้ว ความต่างที่ขอบอักษรชัดขึ้น
Smart Sharpen ดีกว่า Unsharp Mask อย่างไร
1. Smart Sharpen ลดผลเอฟเฟกบริเวณส่วนสว่างและส่วนมืดได้
บริเวณที่เป็นสีในกลุ่มโซนมืดนั้นมักไม่ค่อยมีรายละเอียดอะไรที่เรามองเห็นได้ง่าย และการเปิดเงาขึ้นมาเพื่อปรับคมนั้นก็มักจะทำให้สิ่งที่ไม่พึงประสงค์ปรากฏขึ้นมาให้เห็นได้ชัดด้วย การมีตัวเลือกเพื่อลดผลลัพธ์ที่มากเกินไปของ Smart Sharpen ย่อมดีกว่า Unsharp Mask ซึ่งไม่มีอะไรให้ระวังตรงนี้เลย
2. Smart Sharpen สามารถวิเคราะห์ขอบพิกเซลเพื่อลดผลการเกิดแสงหลอนจากการปรับคม
บริเวณภาพถ่ายที่เกิดการหักเหของแสงเข้ามาในเลนส์อย่างชัดเจนจะชัดเจนมากเข้าไปอีกด้วยการปรับคม ตัวเลือกการลดผลลัพธ์เพื่อระวังการเกิดแสงประเภทดังกล่าวจะช่วยให้ภาพไม่มีสิ่งที่รบกวนจากแสงเหล่านี้จนเกินไป
การเบลอที่มีถึงสามรูปแบบ